ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี อุดม สุขทอง เป็น ผอ.ส่วนรักษาการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ได้ออกมาแชร์เรื่องราวองอดีตเจ้าหน้าที่ รปภ. ม.รามคำแหง ที่สอบติดอัยการผู้ช่วย โดยระบุข้อความว่า “ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ขอแสดงความยินดีกับ คุณผดุงเกียรติ พรหมแก้ว อดีต จนท.รปภ.ม.รามคำแหง (สังกัด อผศ.) มีความพากเพียรพยายามจนสอบติดอัยการผู้ช่วย (รุ่น 64) สนามใหญ่ ลำดับ 47 ขอจงมีความเจริญก้าวหน้า และผดุงความยุติธรรมให้สมกับความคาดหวังของประชาชนต่อไป”
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเพจ “ท่านครับ” ก็ได้ออกมาแสดงความยินดี พร้อมแชร์บทความจากคุณผดุงเกียรติ ที่เผยเคล็ดลับการเตรียมความพร้อม จนสอบอัยการจนสำเร็จว่า สิ่งแรกที่ทำ คือ วางแผนการใช้ชีวิต ด้วยการใช้เวลากลางคืนการอ่านหนังสือ ในช่วงทำงาน เพราะเป็นเวลาเงียบสงบ เหมาะแก่การอ่านหนังสือ
“จากการทำงาน รปภ. ทำให้ทำตามแผนได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีเวลามากในการอ่านหนังสือ ไม่เครียดกับงานที่ทำ และมีสมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือ ที่ต้องทำงาน รปภ. เพราะวางแผนการอ่านหนังสือในแบบของตัวเอง ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วต้องใช้เวลามากในการทำตามแผนที่วางไว้ จึงจำเป็นต้องหางานที่ให้เวลาที่เหมาะสมแก่การนั้น
แผนการอ่านคือ
1. การเตรียมตัวสอบใช้หนังสือหลักในการอ่านในแต่ละวิชาเพียง 1 เล่ม เพราะเนื้อหามีเยอะ หลายวิชา และเพื่อลดความสับสนในเนื้อหา (อาจเป็นเอกสารติวสรุปก็ได้ เพราะง่ายต่อการทำความเข้าใจโครงสร้า งเนื่องจากมีการสรุปมาครั้งหนึ่งแล้ว) ถ้าเป็นไปได้ให้อ่านโดยวิธีการออกเสียงให้ได้ยินเสียงตัวเอง เพื่อให้สมองได้รับความรู้ 2 ทางคือ ตา และหู อีกทั้งยังเป็นการฝึกการถ่ายทอดข้อมูล เป็นประโยชน์ตอนเขียนตอบข้อสอบอีกด้วย
2. อ่านรอบแรกให้อ่านแบบคร่าว ๆ เพื่อทราบโครงเรื่องทั้งหมด
3. การอ่านครั้งที่ 2 ให้จับประเด็นละเอียดของแต่ละเรื่อง โดยใช้ปากกาไฮไลต์ข้อความทั้งหมดที่เห็นว่าสำคัญ และจำเป็นต้องทำความเข้าใจ หรือจดจำ (อาจไฮไลต์มากหน่อย แต่จำเป็นต้องทำ เพราะข้อความที่ไม่ถูกไฮไลต์จะถูกตัดทิ้งไปในขั้นตอนนี้)
4. พิมพ์ตัวบทกฎหมายขึ้นมาเป็นของตัวเอง โดยตัดข้อความที่ไม่สำคัญออก เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ
5. เขียนหรือพิมพ์ข้อความที่ไฮไลต์สรุปทั้งหมด ลงในตัวบทกฎหมายที่เป็นของตัวเอง
6. การทำสรุปนี้อาจมีเนื้อหาส่วนที่ยังไม่เข้าใจ หรือไม่ได้คำตอบ ให้จดเป็นคำถามไว้ทันที รวบรวมไว้ แล้วนำไปวิเคราะห์กับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน หรือสอบถามจากอาจารย์ ถ้าได้คำตอบก็ให้นำมาเพิ่มเติมในภายหลัง
7. อ่านหนังสืออื่นเพิ่มเติม เช่น กฎหมายพิสดารต่าง ๆ แล้วทำเหมือนข้อ 3. เปรียบเทียบดูว่าสรุปของเรายังขาดเนื้อหาส่วนใดไป เนื้อหาส่วนไหนยังไม่มีในสรุป ให้เอาเนื้อหาส่วนนั้นเพิ่มไปในสรุปตาม ข้อ 5.
8. ทำข้อ 1-6 ทั้งกฎหมายสี่มุมเมืองและกฎหมายพิเศษที่ใช้ในการสอบ แล้วพิมพ์สรุปดังกล่าวเข้าเล่ม เพื่อความสะดวกในการอ่าน สุดท้ายเราจะได้ตัวบทกฎหมายซึ่งมีเนื้อหากฎหมายอยู่ด้วยเป็นของเราเอง
9. ใช้สรุปตัวหลังนี้ในการอ่านเตรียมสอบ และอ่านซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันสอบ ถ้าพบประเด็นเพิ่มเติม สามารถจดด้วยปากกาเพิ่มเข้าไปได้
11. เมื่ออ่านสรุปของตัวเองครบแล้ว จะไปตามอ่านฎีกาน่าสนใจในเพจต่าง ๆ แล้วเทียบดูว่ามีฎีกาเรื่องไหนที่เรายังไม่มีหรือไม่เคยอ่าน ก็ให้พิมพ์สรุปแบบสั้น ๆ มาเก็บไว้ใช้อ่านเล่นก่อนถึงวันสอบ ฎีกาเหล่านี้มักจะถูกนำมาเป็นข้อสอบประมาน 1-2 ข้อ
การมีสรุปตัวบทกฎหมายและเนื้อหาเป็นของตัวเองข้างต้นดีอย่างไร? ทำให้ผู้เขียนสามารถทบทวนเนื้อหาที่ใช้สอบทั้งหมดได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่ต้องไปเปิดอ่านหนังสือเล่มใหญ่หนา ๆ
12. การทำข้อ 1-7 จะทำให้เราจำตัวบทกฎหมายได้มากพอสมควรอยู่แล้ว แต่การสอบจำเป็นต้องแม่นยำในตัวบทมากกว่านั้น จึงจำเป็นต้องท่องตัวบทด้วย
11.1 การท่องตัวบท ตัวบทไหนที่จำยากหรือจำไม่ได้ ให้ใช้อารมณ์ความรู้สึก และตัวเลขเชื่อมโยงกับความทรงจำในการจำ เช่น อารมณ์ตลก กลัว ตกใจ หรือใช้วิธีใดก็ตามที่กระทบต่อความรู้สึก เช่น อาจแต่งเป็นกลอนก็ได้ จะทำให้เราจำได้ดีมาก เพราะสมองจะจดจำถ้อยคำที่ประกอบด้วยอารมณ์ได้มากกว่าถ้อยคำอย่างเดียวเป็นอย่างมาก (วิธีการนี้ถูกเขียนไว้ในหนังสือตั้งค่าสมองฯ ของ Roger Seip)
11.2 การท่องตัวบท ให้เริ่มต้นโดยพูดออกเสียงตามสิ่งที่จำได้ แล้วนำไปเทียบกับถ้อยคำในตัวบท ถ้อยคำไหนที่สำคัญและไม่ได้พูดออกเสียงไว้ (จำไม่ได้) ให้เอาปากกาไฮท์ไลต์ไว้ในตัวบท และให้กลับไปทำตามข้อ 11.1 ในถ้อยคำที่จำไม่ได้ดังกล่าว
11.3 เมื่อทำครบถ้วนตามข้อ 11.2 แล้ว ให้ลองนำมาเขียนลงในสมุดทั้งหมด แล้วตรวจดูว่าจำได้ทั้งหมดแล้วหรือไม่ ถ้อยคำใดที่ยังจำไม่ได้ ให้กลับไปทำตามข้อ 8.1
12. ทำข้อสอบเก่า ให้ลองทำข้อสอบเก่าโดยไม่ดูธงคำตอบก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเรายังผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องในส่วนไหน แล้วให้ตรวจสมุดคำตอบของเรากับธงคำตอบ เมื่อพบข้อบกพร่องให้โน้ตข้อบกพร่องเตือนตัวเองในแต่ละข้อไว้ เมื่อทำข้อสอบครบทั้งหมด ให้กลับไปอ่านดูข้อบกพร่องที่ตัวเองเขียนไว้ แล้วนำมาแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนถึงวันสอบ”
โดยตอนท้ายของบทความคุณผดุงเกียรติยังได้ย้ำว่า เป็นเวลาที่ยาวนานในการลงมือทำ ซึ่งรู้ตั้งแต่เมื่อคิดอยากเป็นพนักงานอัยการ จึงได้ตัดสินใจทำงานเป็น รปภ. อาจมีบางคนมองว่าเป็นงานที่ต้อยต่ำไม่มีเกียรติ หรือมีคนดูถูก จึงไม่อยากทำ แต่สำหรับตนแล้ว งานนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สอบเป็นพนักงานอัยการได้ จึงไม่ใช้คำว่า “รปภ. สอบอัยการได้” แต่ใช้คำว่า “เป็น รปภ. จึงสอบอัยการได้”
บทความนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งแนวทางเล็กน้อยในการเตรียมสอบ แต่สิ่งสำคัญคืออยากให้เป็นกำลังใจแก่ผู้อ่านที่กำลังเดินทางตามความฝันอยู่ด้วยความพยายาม ตนเชื่อว่า ความสำเร็จแม้ถูกสร้างจากที่มืด แต่จะปรากฏขึ้นในที่สว่างเสมม สำหรับทุกคนที่ยังคงพยายามอยู่ในเส้นทางนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จ