มิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กผู้ประกาศข่าวสาวคนดัง กวาง อรการ จีบอดีตผู้ว่า กปน. หยอดหวานเรียกที่รัก ก่อนหลอกลงทุนเทรดคริปโต สูญเกือบ 20 ล้าน
วันที่ 28 สิงหาคม 2566 เดลินิวส์ รายงานว่า น.ส.อรการ จิวะเกียรติ ดารานักแสดงและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง อายุ 38 ปี พร้อมทนายความ และ นายธนศักดิ์ อดีตผู้ว่าการการประปานครหลวง อายุ 66 ปี เข้าแจ้งความที่ บก.สอท.1 กรณีถูกมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กก่อนหลอกให้ลงทุนคริปโต สูญเงินไปเกือบ 20 ล้านบาท
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน มีเฟซบุ๊กของ น.ส.อรการ ผู้ประกาศข่าว ทักเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักด้วย รู้สึกว่าคุยถูกคอก่อน และชักชวนให้คุยต่อกันทางไลน์ ลักษณะการคุยเชิงชู้สาว ทางคนร้ายพูดคุยในลักษณะจีบตนก่อน หลังจากนั้นคนร้ายเริ่มชักชวนลงทุนเทรดคริปโต ครั้งแรกตนเทรดไป 2 หมื่นบาท ได้กำไรมา 4,000 บาท จึงหลงเชื่อและลงทุนเรื่อย ๆ
ระหว่างที่คุยผ่านทางไลน์ เฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุที่ปลอมเป็นผู้ประกาศก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีการโพสต์ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกับชีวิตของคุณกวางจริง ๆ ช่วงเวลาที่คนร้ายทักมาคุย จะเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับเวลาเลิกอ่านข่าวของคุณกวาง มีการวิดีโอคอลหากันก็จริง แต่ไม่ได้เป็นภาพเคลื่อนไหว จะเป็นภาพนิ่งของคุณกวาง ทำให้ตนยิ่งหลงเชื่อเพราะกล้าที่จะพูดคุยกัน
ในระหว่างที่มีการลงทุน คนร้ายก็อ้างว่าเดี๋ยวจะร่วมลงทุนด้วยจำนวน 3.4 ล้านบาท นอกจากนี้พอถึงช่วงเทศกาล ก็จะบอกว่าเดี๋ยวเอาผลกำไรที่เทรดเหรียญได้ ไปเที่ยวต่างประเทศและทำบุญร่วมกัน พร้อมกับมีการนัดเจอกันด้วย แต่พอถึงเวลานัด คนร้ายก็อ้างว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุ กำลังไปรอเยี่ยม พร้อมนำรูปของคุณกวางส่งมาให้ เพื่อเป็นการยืนยันด้วย
แต่ก็มีจุดสังเกตผิดปกติ ตรงที่เวลาตนเทรดเองจะขาดทุน แต่ถ้าเทรดตามที่เขาบอกมักจะได้กำไรมากกว่า ช่วงหลัง ๆ ที่ตนลงทุนไปเยอะ จึงให้อีกฝ่ายถอนเงินออกมาบ้าง แต่กลับพบว่าไม่สามารถนำเงินออกจากระบบได้ จึงเริ่มคิดว่าตนอาจจะโดนหลอก ซึ่งจากพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ที่ตนหลงเชื่อ ทำให้สูญเงินเกือบ 20 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น
เมื่อถามว่า ระหว่างที่พูดคุยกับคนร้าย มีการแทนสรรพนามกันว่าอย่างไร ผู้เสียหายระบุว่า คนร้ายพยามพูดทำนองจีบ ช่วงแรก ๆ จะเรียกตนเองว่า พี่ หรือบางครั้งก็พยายามจะเรียกตนว่า ที่รัก
ด้าน กวาง อรการ กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย เพราะถูกนำภาพและไลฟ์สไตล์ไปปลอมและหลอกผู้อื่น ตนเพิ่งจะมาทราบช่วงสัปดาห์ก่อนซึ่งไปเที่ยวอิตาลี ทางทีมงานแจ้งว่ามีคนปลอมเฟซบุ๊กไปหลอกผู้เสียหายสูญเงินหลายสิบล้านบาท ตอนนั้นตกใจมากจึงประสานทีมงานและร่วมหารือกัน สุดท้ายก็ลงความเห็นว่า จะแจ้งความเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กแล้ว หากมีเฟซบุ๊กที่แอบอ้างชื่อตนทักไปอย่าหลงเชื่อ และหากใครเสียหาย ให้ดำเนินการแจ้งความทันที
จากกรณีนี้ ยอมรับว่ารู้สึกสงสารผู้เสียหายมาก เพราะเคยอ่านข่าวในลักษณะนี้มาหลายครั้ง ไม่คิดว่าวันนี้จะมีผู้เสียหายซึ่งเกิดจากคนร้ายนำโปรไฟล์ของตนไปหลอก ทำให้ตนตกเป็นผู้เสียหายไปด้วย จึงอยากจะฝากไปถึงนักลงทุนที่คิดจะลงทุนทางด้านนี้ ตามคำที่เราเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนต้องตรวจสอบก่อน ไม่ว่าจะเป็นใบจดทะเบียนของบริษัท และความน่าเชื่อถือในแวดวงที่จะลงทุนด้วย หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงิน อยากให้ทุกคนเอะใจอย่าหลงไว้ใจ หรือเชื่อใจใครง่าย ๆ
ด้าน พล.ต.ต. ชัชปัณฑกานฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 กล่าวว่า คดีมีการโอนเงินออกไปกว่า 24 บัญชี จำนวน 33 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 20 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้ประสานงานไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีความเชื่อมโยงอย่างไร ไม่ยืนยันว่าจะได้เงินคืนเท่าไหร่ แต่ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด และอยากฝากเตือนไปยังนักลงทุน ให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารการจดทะเบียนบริษัท เอกสารจาก กลต.
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์