พ่วงชนยกครัว 8 ศพ อัดก๊อบปี้ ‘เอสยูวี’ สลดคาที่จอดฉุกเฉินรอด 2 หยิบแพมเพิร์ส
พ่วงชนยกครัว 8 ศพ อัดก๊อบปี้ ‘เอสยูวี’ สลดคาที่จอดฉุกเฉินรอด 2 หยิบแพมเพิร์ส
อุบัติเหตุสยองมอเตอร์เวย์ รถพ่วงชนยับรถเชฟโรเลตแคปติวาตายหมู่ยกครัว 8 ศพ เป็นครอบครัวผัวเมียพาแม่ยายและลูกหลานจากอุดรธานีจะไปเยี่ยมพี่ชายเมียที่ระยอง แวะจอดริมทางที่จอดรถฉุกเฉินให้ลูกสาวกับหลานสาว ลงไปหยิบแพมเพิร์สมาเปลี่ยนให้เด็กเล็กในรถ จู่ๆ ถูกรถพ่วงบรรทุกยางมะตอยพุ่งชนท้ายไปอัดก๊อบปี้กับท้ายรถพ่วงบรรทุกน้ำมันพืชที่จอดพักรถอยู่ด้านหน้า ตายสยองยกคัน 8 ศพ ลูกกับหลานที่ลงมาจากรถรอดหวุดหวิดบาดเจ็บ 2 คน ส่วนโชเฟอร์รถพ่วงก็ บาดเจ็บด้วยอีกคน คาดสาเหตุจากหลับใน ตำรวจประสานแพทย์ตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ ผวจ.อุดรธานีลงพื้นที่ปลอบขวัญครอบครัวผู้สูญเสียพร้อมมาตรการเยียวยา
จอดรถเปลี่ยนแพมเพิร์สชนวนอุบัติเหตุสลดรถพ่วงพุ่งชนท้ายรถเอสยูวีตายยกครัว 8 ศพเปิดเผยเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 24 เม.ย. พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ สว. (สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถพ่วงชนท้ายรถยนต์ไปอัดก๊อบปี้ท้ายรถบรรทุกพ่วงอีกคันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย บนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วง กม.ที่ 23+300 ขาออก ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งรายงานให้ พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.8 บก.ทล. นำกำลังตำรวจทางหลวงพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าให้การช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นที่จอดรถฉุกเฉินริมถนนมอเตอร์เวย์ พบรถพ่วงบรรทุกยางมะตอย อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 73-1430 ชลบุรี ทะเบียนพ่วง 71-3810 ชลบุรี พุ่งชนท้ายรถยนต์เอสยูวีเชฟโรเลตแคปติวา สีขาว ทะเบียน ขค 6161 อุดรธานี อัดก๊อบปี้เข้ากับท้ายรถพ่วงบรรทุกน้ำมันพืช อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 81-2815 ชุมพร ทะเบียนพ่วง 81-2816 ชุมพร สภาพรถเชฟโรเลตพังยับแทบเป็นเศษเหล็ก ในซากรถมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย หญิง และเด็ก รวม 8 ศพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เครื่องตัดถ่างงัดรถทยอยนำศพออกมา สภาพแต่ละศพแหลกเหลว แขนขาหัก มีชิ้นส่วนศพทั้งแขนขาและศีรษะบางส่วนตกอยู่ในรถเป็นที่น่าสยดสยอง นำศพทั้งหมดส่งชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่มาด้วยกันขณะเกิดเหตุอยู่นอกรถ 2 คน เป็นหญิงสาววัยรุ่นกับเด็กหญิงถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 9 ส่วนในห้องโดยสารรถบรรทุกยางมะตอยมีร่างนายเสน่ห์ ดอกตะเคียน อายุ 60 ปี คนขับได้รับบาดเจ็บถูกอัดติดกับพวงมาลัย เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมาเร่งนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 9 เช่นกัน สรุปอุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ และได้รับบาดเจ็บรวม 3 คน
รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ศพ ประกอบด้วยนายอภิวัฒน์ แจ่มกระจ่าง อายุ 38 ปี คนขับ น.ส.อริญญา อ่อนตาผา อายุ 38 ปี ภรรยา น.ส.กานตรัตน์ ภูมิเจิม อายุ 16 ปี ลูกสาวของ น.ส.อริญญา ที่เกิดกับสามีเก่า ด.ช.พชรพล แจ่มกระจ่าง อายุ 12 ปี ลูกชาย นางหมุน อ่อนตาผา อายุ 62 ปี แม่ของ น.ส.อริญญา น.ส.จารุวรรณ ขอนนอก อายุ 31 ปี ลูกสะใภ้คนเล็กของนางหมุน ด.ญ.ณัฐธิดา แก้วอุบาย อายุ 3 ขวบ และ ด.ช.ณัฐวดี แก้วอุบาย อายุ 2 ขวบ ทั้งคู่เป็นลูกของ น.ส.จารุวรรณ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ชื่อ น.ส.หทัยมาศ ภูมิเจิม อายุ 18 ปี ลูกสาวคนโตของ น.ส.อริญญา และ ด.ญ.พิมพ์ลภัส อ่อนตาผา อายุ 12 ปี หลานสาวของ น.ส.อริญญา
สอบถามนายกวางแก้ว จันทร์ปทุม อายุ 51 ปี คนขับรถพ่วงบรรทุกน้ำมันพืช เผยว่า ขับรถมาจอดพักอยู่ริมถนนประมาณ 5-10 นาที จู่ๆได้ยินเสียง ดังสนั่นที่ท้ายรถรีบลงมาดู พบรถพ่วงชนท้ายรถยนต์เอสยูวีมาอัดก๊อบปี้ติดอยู่ท้ายรถของตน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เป็นหญิงสาววัยรุ่นกับเด็กหญิงที่อยู่นอกรถเล่าให้ฟังว่า ขณะลงมาจากรถเพื่อจะหยิบแพมเพิร์สท้ายรถไปเปลี่ยนให้เด็กเล็กที่อยู่ในรถ จู่ๆ มีรถพ่วงบรรทุกยางมะตอยพุ่งเข้ามาชนท้ายรถไปอัดก๊อบปี้ติดท้ายรถของตนเป็นเหตุให้คนที่อยู่ในรถเสียชีวิตทั้งหมด
พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.8 บก.ทล. เผยว่า คนขับรถพ่วงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬารัตน์ 9 ได้ประสานทีมแพทย์ให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดไว้แล้ว ยังไม่สามารถให้ปากคำได้ ส่วนรถเอสยูวีของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นญาติกัน เดินทางมาจาก จ.อุดรธานี แวะรับญาติที่ จ.นครราชสีมา เพื่อเดินทางไปหาพี่ชายของ น.ส.อภิญญา ที่ทำงานอยู่ จ.ระยอง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุขับเข้าไปจอดต่อท้ายรถบรรทุกน้ำมันพืชในช่องทางจอดฉุกเฉินเลนซ้ายสุดซึ่งเป็นจุดพักรถ เพื่อแวะเปลี่ยนแพมเพิร์สให้เด็กเล็กที่นั่งมาในรถ จู่ๆรถบรรทุกยางมะตอยขับตามหลังมาด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนท้ายอัดก๊อบปี้อย่างจัง คาดว่าสาเหตุจากคนขับหลับใน เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบที่เกิดเหตุ รถทั้ง 3 คันมีประกันภัยอุบัติเหตุทั้งหมด รถบรรทุกยางมะตอยมีประกันชั้นสาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยคุ้มครองสำหรับผู้เสียชีวิตฉบับละ 5 แสนบาท รวม 2 ฉบับ เป็นเงิน 1 ล้านบาทต่อคน
ที่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 10 บ้านเหล่าศรีจารย์ ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี ช่วงบ่ายวันที่ 25 เม.ย. นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี นำคณะพร้อมเจ้าหน้าที่ รพ.สต.นาข่า และ อสม. ลงพื้นที่ให้กำลังใจและประสานงานช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต พบนายทองเลื่อน อ่อนตาผา อายุ 67 ปี สามีของนางหมุน และเป็นพ่อของ น.ส.อริญญา ยังอยู่ในอาการตกใจช็อกที่ต้องสูญเสียภรรยา ลูกสาว ลูกเขยและหลานๆ จนโรคประจำตัวหลายโรคกำเริบ ความดันขึ้นและนอนไม่หลับตั้งแต่ทราบข่าวร้ายช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมามีชาวบ้านและญาติพี่น้องช่วยกันเตรียมรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านดอนแตงที่อยู่ใกล้กัน
สอบถามนายทองเลื่อนเล่าว่า น.ส.อริญญา ลูกสาว จะไปเยี่ยมพี่ชายคนโตที่ จ.ระยอง พาลูกสาวของพี่ชายกลับไปส่งหลังจากช่วงปิดเทอมกลับมาเที่ยวสงกรานต์ที่บ้าน และถือโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวทะเลด้วย โดยลูกเขยเป็นคนขับรถออกเดินทางไปจากบ้าน 7 คน แวะรับลูกสะใภ้คนเล็กกับหลานเด็กเล็กอีก 3 คนที่ จ.นครราชสีมา ที่ตนไม่ได้เดินทางไปด้วยเพราะป่วยไม่สบาย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นั่งรถนานๆ ไม่ได้ ไม่อยากไปให้เป็นภาระลูกหลาน รถคันดังกล่าวลูกชายคนเล็กที่ทำงานอยู่ประเทศเกาหลีใต้ส่งเงินมาให้ภรรยาเพิ่งไปซื้อมาได้เพียง 1 สัปดาห์ เป็นรถมือสองราคา 170,000 บาท หลังทราบข่าวร้ายรู้สึกเสียใจมากเพราะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว
น.ส.แววดาว นามบุตร ผญบ.บ้านเหล่าศรีจารย์ เผยว่า สองผัวเมียที่เสียชีวิตกลับมาจากทำงานที่ประเทศ เกาหลีใต้ได้ประมาณ 2 ปี ค้าขายเล็กๆน้อยๆอยู่ในหมู่บ้าน อยู่ระหว่างทำเรื่องกลับไปทำงานต่อที่เกาหลีใต้ หลังทราบข่าวได้แจ้งไปยัง นอภ.เมืองอุดรธานี รับทราบ ก่อนจะรายงานไปยัง ผวจ.อุดรธานี นำคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องการเยียวยา เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวนี้ ที่ผ่านมาในหมู่บ้านไม่เคยมีการสูญเสียมากขนาดนี้ ตอนนี้ลูกชายคนโตของนายทองเลื่อนที่อยู่ จ.ระยอง เดินทางไปรับศพที่ จ.สมุทรปราการ ประสานการนำกลับภูมิลำเนาเพื่อทำพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนศพลูกสะใภ้คนเล็กและหลาน 2 คนของนายทองเลื่อน ญาติคงติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา