3 นอมินีไทย โร่มอบตัวแล้ว ชี้เป็นแค่คนงานไชน่า “ชวน หลิง จาง” รอดคุก
3 นอมินีไทย โร่มอบตัวแล้ว ชี้เป็นแค่คนงานไชน่า “ชวน หลิง จาง” รอดคุก
ดีเอสไอคุมตัว “ชวน หลิง จาง” กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขังศาล แต่ไม่ได้ ค้านประกันตัวเพราะเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจีนจริงศาลให้ประกัน ห้ามออกนอกประเทศ ขณะที่ 3 นอมินีคนไทยควงทนายเข้ามอบตัวดีเอสไอแล้ว คุมตัวแจ้งข้อหานอมินีสอบเครียด เพราะเคยเป็นแค่พนักงานบริษัทเท่านั้น ด้านการค้นหาผู้สูญหาย ทีมกู้ภัยพบร่างที่จุดเกิดเหตุเพิ่มอีก 4 ร่าง ทีมทนายบริษัทซิน เคอ หยวนฯ แถลงยันเหล็กที่บริษัทผลิตได้มาตรฐาน โต้ขั้นตอนการตรวจสอบเหล็กไม่ได้มาตรฐานเอง ด้าน รมว.อก.ตั้งแท่นเอาเรื่องเข้าที่ประชุม กมอ.ทบทวนการอนุญาตผลิตเหล็กแบบ IF เพราะควบคุมมาตรฐานยาก แถมสร้างมลพิษเยอะเพราะเป็นเตาแบบเปิด
กรณีสืบสวนคลี่คลายคดีอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม หลังเหตุแผ่นดินไหว ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 28 มี.ค. การรื้อซากหาร่างผู้เสียชีวิตยังไม่เสร็จสิ้น ขณะที่การสืบสวนสาเหตุการถล่มโดย 2 หน่วยงานประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานดำเนินการทุกความผิด เบื้องต้นมีความคืบหน้าการสอบสวนคดีนอมินีของดีเอสไอ ส่งกำลังจับกุมตัวนายชวนหลิง จาง กรรมการบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่โรงแรมย่านรัชดาภิเษก ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
คุม “ชวน หลิง จาง” ฝากขังผัดแรก
ความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 21 เม.ย. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ และพนักงานสอบสวนคุมตัวนายชวน หลิง จาง อายุ 42 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาคดีนอมินีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ไปฝากขังผัดแรก คดีเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 คำร้องระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษรับกรณีกิจการร่วมค้าเข้าประมูลโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการ สตง. อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 และอาจมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568
แจงผู้ต้องหาเป็น กก.ผู้มีอำนาจ
สืบเนื่องจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก สอบสวนพบว่าบริษัทที่ก่อสร้างอาคารคือกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีดี และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศ ไทย) จำกัด ในนาม ITD-CREC บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2561 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท สัดส่วนการถือหุ้นไทยร้อยละ 51 และสัญชาติจีนร้อยละ 49 มีผู้ถือหุ้น 4 รายได้แก่ 1.บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอจิเนียริ่ง คัมปะนี สัญชาติจีน 490,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49 มูลค่า 49 ล้านบาท 2.นายโสภณ มีชัย สัญชาติไทย 407,997 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 40.7997 มูลค่า 40,799,700 บาท และถือหุ้นนิติบุคคลอื่นอีก 4 บริษัท 3.นายประจวบ ศิริเขตร สัญชาติไทย 102,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.20 มูลค่า 10,200,000 บาท และถือหุ้นนิติบุคคลอื่นอีก 7 บริษัท 4.นายมานัส ศรีอนันท์ สัญชาติไทย 3 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.003 มูลค่า 300 บาท แล้วถือหุ้น นิติบุคคลอื่นอีก 10 บริษัท และบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ มีนายชวน หลิง จาง สัญชาติจีน และ นายโสภณ มีชัย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน
3 นอมินีคนไทยเป็นเพียงคนงาน
เมื่อสืบสวนขยายผลกรรมการที่มีสัญชาติไทยทั้ง 3 คนพบว่า นายโสภณ มีชัย อายุ 66 ปีประวัติเคยทำงานที่บริษัทอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด ลาออกเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2557 และไม่ปรากฏประวัติการทำงานที่ใดอีก ส่วนนายประจวบ ศิริเขตร อายุ 53 ปี และนายมานัส ศรีอนันท์ อายุ 62 ปี มีประวัติการทำงานที่บริษัทสันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด นายประจวบลาออกจากบริษัทดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2553 ส่วนนายมานัสลาออกเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2558 บริษัทสันติภาพ อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ เป็นที่ตั้งเดียวกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯและบริษัทอื่นอีก 8 บริษัท ทั้งนายโสภณ นายประจวบ และนายมานัสเป็นลูกจ้างบริษัทที่คนจีนเป็นเจ้าของ เป็นเพียงคนงานยกสินค้าและขับรถ ไม่เชื่อว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการใด เนื่องจากมีอาชีพรับจ้างและมีรายได้น้อย
แปลงโฉมเป็นบริษัทไทยประมูลงาน
กรณีบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ มีนายชวน หลิง จาง ผู้ต้องหาเป็นกรรมการของบริษัททำธุรกิจต้องห้ามบัญชีท้าย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 บัญชี 3 ข้อ 10 การที่บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ มีนายโสภณ นายประจวบ และนายมานัสลูกจ้างชาวไทย 3 คนเข้ามาจดทะเบียนอำพรางเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 51 เพื่อให้บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นบริษัทสัญชาติไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมายโดยเข้าประมูลงานก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ด้วยวิธีการประกวดราคาผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) และก่อสร้างอาคารดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563 จนกระทั่งอาคารถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จากพฤติกรรมข้างต้น การกระทำของนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการหรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น
เป็นพนักงานวิสาหกิจจีนจริง
ต่อมาวันที่ 19 เม.ย. เวลาประมาณ 18.50 น. ดีเอสไอสนธิกำลังร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับกุมตัวนายชวน หลิง จาง ที่โรงแรมกราฟ โฮเทล ถนนรัชดาภิเษก ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ควบคุมตัวมายังดีเอสไอเพื่อสอบสวน แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นขอศาลฝากขังผู้ต้องหากำหนด 12 วันตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.-2 พ.ค.68 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 20 ปาก รอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาและประวัติการต้องโทษ ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและอยู่ระหว่างรอพยานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ประกอบกับมีหนังสือจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนในราชอาณาจักรไทย ยืนยันผู้ต้องหาเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน จึงไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้วางเงินประกัน 500,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
3 นอมินีเข้ามอบตัวดีเอสไอ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเวลา 14.00 น. นายมานัส ศรีอนันท์ นายประจวบ ศิริเขตร และนายโสภณ มีชัย กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน จากการสอบสวนของดีเอสไอ ชัดเจนว่าทั้ง 3 คนไม่ได้อยู่ในสถานะเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่มีวิชาชีพเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องด้านงานวิศวกรรมก่อสร้าง จากนั้นทนายความของ นายมานัส ศรีอนันท์ เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลสั้นๆกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นทนายความให้นายมานัสนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 คน ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา ขอให้ตนเข้าไปรับฟังข้อมูล และนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง
ดีเอสไอแจงประเด็นสอบคนไทย
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า วันนี้ 3 คนไทยเข้ามอบตัวครบเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แจ้งว่าไม่ได้เป็นนอมินีถือหุ้นแทน ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ เพิ่งแจ้งข้อกล่าวหาคดีนอมินี รวมถึงประเด็นความเกี่ยวข้องระหว่างนายชวน หลิง จาง กับ 3 กรรมการชาวไทยด้วยว่า สอดคล้องกันมากน้อยเพียงใดจะทำให้เห็นความชัดเจน ทั้ง 3 คนยอมรับว่ารู้จักกันเอง แต่จะรู้จักกับคนจีนหรือไม่ต้องรอสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน ประเด็นที่ต้องสอบปากคำ 3 กรรมการฯ บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ จะยึดตามองค์ประกอบความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2542 ตั้งแต่เรื่องทุน เรื่องของการดำเนินกิจการ ใครมีอำนาจดำเนินกิจการอย่างไรบ้าง ใครเป็นผู้ชักชวนเข้ามาในบริษัท อีกทั้งเรื่องข้อมูลที่ดีเอสไอสืบสวนพบว่า พื้นเพเป็นเพียงพนักงานในบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ แต่ต้องขยายผลอีกโดยเฉพาะเรื่องทุน การให้ปากคำของผู้ต้องหา ถ้าหักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ ต้องสั่งฟ้อง ส่วนกรณีนายชวน หลิง จาง อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจประเทศจีน เราได้รับการยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจจริง
ทุนเกือบ 3 พันล้านมาจากวิสาหกิจจีน
ส่วนกรณีเรื่องเงินหมุนเวียนของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ที่พบจำนวน 2,800 ล้านบาท พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เงินดังกล่าวมาจากงบดุลที่ตรวจสอบระหว่างปี 61-68 บริษัทกู้ยืมระยะยาวมาจากบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนผ่านธนาคารของต่างประเทศ โอนเงินตรงเข้ามายังบริษัทเลย เงินก้อนนี้นำมาใช้ลงทุนและดำเนินกิจการในไทย ส่วนหุ้นชาวจีน 49 เปอร์เซ็นต์ในบริษัท จากเงินเริ่มต้น 22 ล้านบาทแล้วเพิ่มเป็น 47 ล้านบาทนั้น ต้องไปตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเป็นเงินที่มาจากผู้ถือหุ้นในบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป คัมปะนีลิมิเต็ด จำกัด หรือไม่ หรือมีที่มาที่ไปของเงินจากที่ใด ส่วน 3 นอมินีคนไทยที่ถือหุ้นในบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ 51 เปอร์เซ็นต์ แล้วชำระค่าหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์รวมกว่า 20 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินเช่นกัน
พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 4 ร่าง
เวลา 10.30 น. ที่กองอำนวยการร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.กทม.) เผยว่า จากการทำงานเมื่อวันที่ 20 เม.ย. สามารถเก็บกู้ร่างผู้สูญหายในสภาพสมบูรณ์ได้อีก 4 ร่าง ในจำนวนนี้เป็นเพศชาย 2 ร่าง และระบุเพศไม่ได้อีก 2 ร่าง ทั้งหมดนี้เป็นคนงานที่ทำงานอยู่บนชั้น 19 ก่อนเกิดการถล่ม นำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติค้นหาช่วยชีวิตผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ถึงวันที่ 21 เม.ย.
ทีมกู้ภัย USAR เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ได้ทั้งหมด 208 รายการ และมีทรัพย์สินรวมถึงอุปกรณ์การทำงานของผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดนำส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และสถาบันนิติเวชวิทยาตรวจพิสูจน์เพื่อส่งคืนให้ผู้ประสบภัยและญาติผู้เสียชีวิตต่อไป ล่าสุดยอดผู้ประสบเหตุ 103 คน แยกเป็นผู้เสียชีวิต 51 ศพ ผู้บาดเจ็บ 9 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 43 คน
เชื่อยังพบร่างผู้เสียชีวิตอีก
สำหรับการรื้อถอนซากอาคาร นายสุริยชัย กล่าวว่า วันนี้มีทีมตัดเหล็ก 4 ชุดทำงานสลับกับการใช้เครื่องจักรหนักรื้อถอนซากอาคาร ขณะนี้ลดความสูงพื้นที่โซนเอและดีเหลือ 10.52 เมตร ส่วนโซนบีและซีความสูงเหลือ 9.36 เมตร สามารถขนเศษซากออกมาได้ 281 เที่ยว ปัญหาขณะนี้คือ เครื่องจักรเสีย เมื่อวานเครื่องจักรหนักเสีย 12 ตัว แต่มีเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงอยู่วันนี้จะมีรถแบ็กโฮเข้ามาเสริมอีก 2 ตัว แผนการขณะนี้คือ การรื้อถอนอย่างต่อเนื่อง จะเปิดพื้นที่โซนบีให้ทะลุโซนซี ขณะนี้สามารถเปิดพื้นที่งานได้แล้วกว่า 2 เมตร ส่วนโซนเอกับดีจะดำเนินการกะเทาะปูนออกและตัดเหล็กเพื่อลดความสูงสกัดด้านข้างออก คาดว่าสามารถลดความสูง จนถึงชั้น 1 ได้ภายในสิ้นเดือน แต่พอถึงชั้น 1 การรื้อชั้นใต้ดินไม่สามารถทำงานจากด้านข้างได้แล้ว ต้องปรับแผนใหม่ ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะพบผู้ประสบภัยอยู่ลึกลงไปกว่าชั้น 1 นายสุริยชัยตอบว่า เป็นไปได้ เนื่องจากตึกสูงกว่า 100 เมตรถล่มลงมาเหลือ 26 เมตร คาดว่าพื้นที่ชั้น 5—6 อาจไปอยู่ที่ชั้นใต้ดิน จากข้อมูลเดิมคาดว่ามีผู้ประสบภัยทำงานอยู่ตั้งแต่ชั้น 15 ลงมาถึงชั้นล่างราว 48 คน
ทีมทนาย บ.ซินเคอหยวนแถลงโต้
ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ เวลา 14.00 น. ทีม ทนายความตัวแทนบริษัทซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ประกอบด้วย นายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และนายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล แถลงข่าวสื่อมวลชนชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบข้อซักถามกรณีโรงงานผลิตเหล็กที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ถูกสั่งปิดเมื่อปลายเดือน ธ.ค.67 จากเหตุแก๊สระเบิด และกระบวนการผลิตส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กรณีเหล็กเส้นของบริษัทถูกพบในโครงสร้างอาคารสำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินถล่ม นายปิยะพงศ์ คงมะลวน กล่าวว่า จากเหตุตึก สตง.ถล่มเริ่มพูดถึงเหล็กเส้นของบริษัทซิน เคอ หยวนฯ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลชี้นำว่าเหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ตกเป็นจำเลยสังคม บริษัทเลือกไม่โต้ตอบทันที เกรงว่าจะไม่เป็นประโยชน์อาจถูกมองว่าเป็นการแก้ตัว
สตง.ถล่มไม่เกี่ยวกับเหล็ก
“บริษัทเห็นว่าสาเหตุหลักของการที่ตึก สตง.ถล่มน่าจะมาจากปัจจัยอื่น เช่น แบบการก่อสร้าง หรือการควบคุมงานของวิศวกรมากกว่าจะเป็นคุณภาพของเหล็กเส้นเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนน้อย สอดคล้อง กับความเห็นของนักวิชาการและวิศวกรโครงสร้างหลายท่านที่เริ่มออกมาให้ข้อมูลช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการชี้แจงข้อเท็จจริงด้านมาตรฐาน ยืนยันว่าบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และดำเนินกิจการภายใต้มาตรฐาน ISO9000 รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆของไทยอย่างเคร่งครัดมาตลอด ไม่เคยมีประวัติร้องเรียนเรื่องคุณภาพสินค้าไม่ได้มาตรฐาน” นายปิยะพงศ์กล่าว
โอดตรวจไม่ได้มาตรฐาน
ด้านนายสุรศักดิ์ วีระกุล กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรก ธ.ค.2567 สมอ.ขอเก็บตัวอย่างไปตรวจหลายขนาดพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน (ต้องน้อยกว่า 0.0008%) และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาครั้งที่ 2 บริษัทยื่นอุทธรณ์ขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิมเป็นครั้งที่สอง ผลยังไม่ผ่านมาตรฐานเช่นเดิม การทดสอบดังกล่าวทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศ ไทย เครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถการวัดตามเกณฑ์ที่ มอก.กำหนด บริษัทขอให้ตรวจพิสูจน์ซ้ำเป็นครั้งที่ 3 ที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ.ยืนยันว่าจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบธรรม
“เอกนัฏ” จ่อยกเลิกผลิตเหล็กแบบ IF
ที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เผยว่า กระทรวงฯกำลังดำเนินการทบทวนยกเลิกการรับรองมาตรฐานเหล็กที่ผลิตโดยกระบวนการใช้เตาอินดักชัน Induction Furnace (IF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดึงสิ่งสกปรกออกจากน้ำเหล็กได้ยาก รวมทั้งเป็นเตาแบบระบบเปิดสร้างมลภาวะฝุ่นและก๊าซพิษจากการผลิตมากกว่า ถึงแม้ในทางทฤษฎีจะสามารถผลิตเหล็กที่มีคุณภาพได้ แต่ในกระบวนการผลิตจริงควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ ได้ยาก ผู้ประกอบการต้องใส่ใจและเข้มงวดในการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี มีกระบวนการปรับปรุงควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด
เสนอ กมอ.เข้าที่ประชุมยกเลิกแล้ว
“ประเทศไทยออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาห กรรม (มอก.) เหล็กข้ออ้อยมารับรอง IF ตั้งแต่ปี 2559 ผู้ผลิต อาทิ บริษัทซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด หรือ SKY รับ มอก.ตั้งแต่ปี 2561 ทีมสุดซอยออกตรวจสอบระงับการผลิตและจำหน่าย รวมทั้งอายัดเหล็กจากหลายๆบริษัทที่ไม่ได้ มอก. ทั้งหมดพบว่าเป็นเหล็ก IF รวมถึง SKY ด้วย สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่ผลิตเหล็กจากเตา IF ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ วัตถุดิบให้มีคุณภาพดีได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีผลิตเหล็กด้วยเตาอาร์กไฟฟ้า Electric Arc Furnace (EAF) ที่ใช้ไฟฟ้าหลอมเหล็กสามารถดึงสิ่งสกปรกออกจากน้ำเหล็กได้ดีกว่าและเป็นเตาแบบปิด สร้างมลภาวะน้อย ควบคุมคุณภาพง่ายสม่ำเสมอกว่า ถึงเวลาแล้วต้องยกเลิกเหล็กที่ผลิตแบบ IF ตามกฎหมาย พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หากมีความจำเป็นเร่งด่วนคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) สามารถพิจารณาและมีมติ รมว.อุตสาหกรรม สามารถออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมปรับแก้ไขยกเลิกการรับรองมาตรฐานเหล็ก IF ได้ตามกรอบกฎหมาย ผมลงนามในหนังสือขอให้ กมอ.บรรจุวาระเพื่อพิจารณาทบทวนยกเลิก IF แล้ว” นายเอกนัฏกล่าว
สถาบันเหล็กยันเครื่องตรวจได้มาตรฐาน
นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผอ.สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เผยกรณีสถาบันเหล็กฯถูกพาดพิงจากการแถลงข่าวของบริษัทซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ว่า เครื่องมือทดสอบวิเคราะห์ค่าปริมาณธาตุโบรอนในผลิตภัณฑ์เหล็กไม่ได้ตามมาตรฐาน ไม่สามารถตรวจค่าต่ำกว่า 9ppm (9 ส่วนในล้านส่วน) ได้ ตนขอสถาบันเหล็กฯวิเคราะห์ค่าปริมาณธาตุโบรอนในผลิตภัณฑ์เหล็กด้วยเครื่องทดสอบส่วนผสมทางเคมีของโลหะ (Optical Emission Spectro meter; OES) ยี่ห้อ Spectrolab รุ่น Model : Lavm12, Type :76004140 S/N : 16002150 เป็น ยี่ห้อชั้นนำได้รับการยอมรับระดับสากล ผลิตในประเทศเยอรมนี เครื่องดังกล่าวมีขีดความสามารถทดสอบส่วนผสมของธาตุโบรอน (B) ตั้งแต่ 0.0001 เปอร์เซ็นต์ (1 ppm) ถึง 0.014 เปอร์เซ็นต์ (140 ppm) ครอบคลุมช่วงปริมาณธาตุโบรอนตามข้อกำหนดของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กข้ออ้อย ที่กำหนดให้ปริมาณของธาตุโบรอนจะต้องไม่เกิน 0.0008 เปอร์เซ็นต์ (8 ppm) จึงสามารถตรวจสอบปริมาณธาตุโบรอนได้อย่างแม่นยำแน่นอน