หนุ่มคว้าปืนยิงดับ คนขับกระบะปาดหน้า อ้างคู่กรณีจงใจชน ขู่เรียกเงิน-ทำร้าย
หนุ่มคว้าปืนยิงดับ คนขับกระบะปาดหน้า อ้างคู่กรณีจงใจชน ขู่เรียกเงิน-ทำร้าย
หนุ่มวัย 31 ปี คว้าปืนยิงคนขับกระบะปาดหน้า เสียชีวิต อ้างทำเพื่อป้องกันตัว คู่กรณีจงใจชน ขู่เรียกเงิน-ทำร้าย พบประวัติผู้ตาย เคยก่อเหตุเจตนา ขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชน แล้วขู่เรียกจากผู้เสียหาย ตร. ยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
วันที่ 6 เมษายน 2568 ที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.เดชา รัตนภักดี รอง สว.สอบสวน สภ.วังน้อย ควบคุมตัว นายศิวะ สวัสดิรักษา อายุ 37 ปี ชาว ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “ฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น” ไปฝากขัง หลังจากก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงนายไพโรจน์ พรมบุตร อายุ 41 ปี ชาว ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา
ระหว่างที่นายศิวะ ถูกควบคุมตัวออกจากห้องขังเพื่อไปฝากขัง ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายศิวะ กล่าวสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ถึงสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต เพราะผู้เสียชีวิตประสงค์ต่อทรัพย์ ตั้งใจที่จะขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชนและทำร้าย ตนเองจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิง
สำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ว่านายไพโรจน์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บ มารักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานีแล้วเสียชีวิต โดยมีนายกิติกร จำปาเทศ ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต พามาส่งโรงพยาบาล
จากการสอบสวนนายกิติกร จำปาเทศ อายุ 41 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต ทราบว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2568 เวลาประมาณ 23.50 น. นายกิติกร ได้ขับขี่รถยนต์กระบะ โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ฒส 5086 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายไพโรจน์ ผู้เสียชีวิต นั่งมาที่เบาะข้างคนขับ มาตามถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร และได้ขับปาดหน้ากับรถคู่กรณีเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีดำเทา หมายเลขทะเบียน ผผ-1257 นครราชสีมา มีนายศิวะ ผู้ต้องหาเป็นคนขับรถ บนถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร กม.ที่ 53 บริเวณทางขึ้นต่างระดับบางปะอิน มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 9 หมู่ 1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
จากนั้นได้จอดรถ โดยนายไพโรจน์ เข้าไปพูดคุยกับนายศิวะ ผู้ต้องหา ส่วนนายกิติกร คนขับ ยืนอยู่ข้างรถ มีการโต้เถียงกัน จากนั้นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืน ขนาด 11 มม. ยิงใส่นายไพโรจน์ จำนวน 2 นัดจนล้มลง และหันกระบอกปืนจะยิงนายกิติกร จึงได้วิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถหลบหนีไป นายกิติกร จึงได้นำตัวนายไพโรจน์ส่งโรงพยาบาลปทุมธานี รักษาตัวแล้วเสียชีวิต ในช่วงเช้าวันที่ 5 เม.ย.
หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้สอบสวนพยานตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวผู้ก่อเหตุ ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนขนาด 11 มม. เครื่องกระสุนปืน เสื้อผ้าที่สวมใส่ รถยนต์กระบะ พบว่ามีรอยเฉี่ยวชนที่บริเวณล้อหลังซ้าย มีสีขาวของรถยนต์กระบะของผู้เสียชีวิตติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงมีการตรวจยึดมาเปรียบเทียบกับรถยนต์ของผู้เสียชีวิต ที่พบว่ามีรอยเฉี่ยวชนที่ด้านขวา ที่เกิดการเฉี่ยวชนกัน และยังพบร่องรอยการเฉี่ยวชนอีกหลายจุด
ด้าน พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ให้ข้อมูลว่า จากการให้การของผู้ต้องหา บอกว่าเพื่อนของผู้เสียชีวิต และผู้เสียชีวิต ขับรถปาดหน้า มีเจตนาให้เกิดอุบัติเหตุ เรียกค่าเสียหาย เพื่อหวังต่อการตบทรัพย์ และจะถูกทำร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสอบสวนเพื่อนของผู้เสียชีวิต และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิต เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา จับกุมเมื่อปี 2564 ก่อเหตุเจตนา ขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชน แล้วข่มขู่เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยพฤติกรรมจะตระเวนก่อเหตุช่วงเวลากลางคืนเลือกรถยนต์ที่มีสภาพเก่า ไม่มีประกัน