ตร.สอบเข้มมือยิงกลางตลาด พระประแดง หลังเข้ามอบตัว อ้างถูกรุมทำร้ายก่อน

ตร.สอบเข้ม ” เบิร์ด” มือยิงกลางตลาดเปิดใหม่ อ.พระประแดง หลังติดต่อเข้ามอบตัว เจ้าตัวอ้างถูกรุมทำร้ายก่อน

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 12.30 น. ขณะมีพิธีทำบุญเปิดตลาดนัดใหม่ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้มีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายพลากร ศรีโรจน์ อายุ 28 ปี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายวุฒิภัทร จุลเมตต์ อายุ 42 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าท้องจำนวน 2 นัด และแขนซ้ายจำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ และนายธีภากร ศรีจงใจ อายุ 38 ปี ถูกยิงเข้าที่ต้นขาข้างขวา เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลบางปะกอก 3

ภายหลัง พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.พระประแดง แจ้งว่าทาง ร.ต.ท. ภักดีภูมินทร์ ดาวล้อมจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และนำไปขอศาลจังหวัดพระประแดง เพื่ออนุมัติหมายจับ นายวาทิน หรือ เบิร์ด มีชอบ อายุ 40 ปี (มือปืน) กับนายไชยกาญจน์ หรือรุ่ง คำนึง อายุ 41 ปี (ร่วมก่อเหตุ) ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ ได้สั่งการตั้งชุดไล่ล่านายเบิร์ด (มือปืน) และนายรุ่ง (ร่วมก่อเหตุ) เป็น 3 ชุด คือ ทางชุดสืบสวน สภ.พระประแดง สืบสวนในพื้นที่ที่คาดว่าผู้ก่อเหตุจะหนีไปหลบ ชุดสืบสวน ภ.จ.สมุทรปราการ ทำการสืบสวนในพื้นที่ใกล้เคียง และชุดสืบสวน ภ.1 ทำการสืบสวนและประสานกับชุดสืบสวนจังหวัดใกล้เคียงและประสานด่าน ตม.

ต่อมา เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2568 เวลา 17.30 น. พ.ต.ท.พรชัย เทแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.พระประแดง ชุดสืบสวน สภ.พระประแดงและชุดสืบสวน ภ.จ.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันเข้าจับกุมตัว นายไชยกาญจน์ คำนึง หรือรุ่ง อายุ 41 ปี หลังสืบทราบว่าได้หลบหนีไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนสุขสวัสดิ์

ขณะที่นายวาทิน มีชอบ หรือ “เบิร์ด” อายุ 40 ปี ได้เข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรพระประแดง เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 6 เมษายน 2568 ซึ่งได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมาก คาดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นจากฝ่ายผู้บาดเจ็บ พากันเดินทางมาที่ สภ.พระประแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบนำตัวนายเบิร์ดไปยังจุดที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ ก่อนฝ่ายสืบสวนจะควบคุมตัวไปสอบสวนภายในห้องสืบสวนของโรงพัก

ความคืบหน้าล่าสุด นายวาทิน มีชอบ เบิร์ด อายุ 40 ปี ผู้ต้องหา เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันกับนายเตร่ เหมือนเขาไม่ชอบตน ก็เลยไม่ค่อยลงรอยกัน ก่อนเกิดเหตุวันนั้น ก็เคยมีเรื่องกันมาก่อน นายเตร่เคยสั่งให้ลูกน้องถือปืนเข้ามาที่บ้าน เมื่อประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว มาประมาณเกือบ 20 คน ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจ ถือว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ ในวันที่เกิดเหตุตนจะไปงานเปิดตลาด ซึ่งตนเปิดแผงขายไก่ นายทีเรียกเข้าไปดูและชี้ไปที่หน้านายเตร่

สักพักนายเตร่ก็ถามว่า มีคนสั่งให้มายิงกูเหรอ ทางตนก็เลยเงียบ พยายามเดินออกมา แต่ถูกกลุ่มของนายเตร่รุมทำร้าย ส่วนนายรุ่งมาทีหลังจะเข้ามาช่วยตน ก็โดนรุมเหมือนกัน และมีคนโดนชักปืนขู่ ซึ่งตนไม่รู้จักเขา แต่เป็นคนในกลุ่มนั้น พอเดินออกมาจะถึงร้านแผงไก่ สักพักเห็นมีคนเดินตามกันมา ตนเลยเดินไปที่รถ

เห็นนายเตร่เขายืนอยู่กันหน้ารถ ตนเลยชักปืนออกมายิงเลย นายเตร่ยิงมาที่ตนหลายนัด ตนก็ไล่ยิงพวกเขากลับ และมีอีกคนไล่ยิง ซึ่งไม่ใช่นายเตร่ มีเสื้อขาวยิงระยะประชิด ที่เห็นคนไล่ยิงตนประมาณ 3 คน ตนขึ้นรถและรถถอยออก มีคนยิงโดนรถ โดนกรอบตรงหน้ากระจก

ส่วนมูลเหตุเหมือนเขาไม่พอใจ พยายามให้แถวบ้านยอมให้เขาหมด กลุ่มเขามีอิทธิพลในบางกระเจ้า ยอมรับว่ายิงกันจริงๆ และผมก็เกือบโดน แต่โดนกระทืบก่อน อยากจะบอกญาติทางนายจ๊าบ ผมไม่ตั้งใจจะยิงนายจ๊าบ แค่จะตั้งใจยิงนายเตร่คนเดียว

ในวันที่เกิดเหตุ ลูกกระสุนในปืนตอนพกไปเพียง 13 นัด แต่ยิงออกไป 10 นัด เหลือในปืนอีก 3 นัด ปืนที่ตนมีเป็นชื่อของแฟนจดทะเบียนเรียบร้อย ส่วนรถที่ได้มาเป็นของรุ่นพี่ที่รู้จัก เขาฝากมาให้ชาร์จแบต และให้ยืมใช้ เรื่องที่มีคนโดนปืนตบ ตนก็ไม่ทราบ ตอนนั้นตนโดนรุมยำอยู่ ในส่วนที่ตนทำก็ยอมรับในผลของการกระทำ แต่ในเรื่องที่ตนโดนกระทำด้วยก็ขอไปว่ากันในกระบวนการของศาล

ขณะนี้ทางสังคมว่าผมอย่างเดียวเลย แต่ผมอยากขอความเห็นใจ ในวันนั้นคนในตลาดก็เห็นว่าเขารุมผมก่อน ตอนนี้ไม่มีใครออกมาเป็นพยานให้ผมได้เลย เพราะเขาเองก็เป็นคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่ คนในตลาดก็อาจจะกลัวจนไม่กล้าออกมา อยากวอนให้สังคมช่วยเห็นใจในสิ่งที่ผมโดนกระทำก่อน และในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้ตั้งใจจะยิงนายพลากร (จ๊าบ) แต่นายจ๊าบนิสัยมีอะไรก็จะออกตัวให้ก่อน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงชุลมุน เลยทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น คนตายกับตนก็รู้จักกันมานานแล้ว ตนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ในวันนั้น คนที่ตนเล็งคือ นายเตร่

ทางด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผู้กำกับ สภ.พระประแดง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า นายเบิร์ด หรือ นายวาทิน มีชอบ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย ได้โทรมาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอมอบตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง ได้จัดกำลังไปรับตัวย่านราษฎร์บูรณะ โดยนายเบิร์ดได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า หลังจากหลบหนีทางรถจักรยานยนต์ และได้ขึ้นรถแท็กซี่ไปบ้านเพื่อน ซึ่งการติดตามตัวคนร้ายหรือผู้ต้องหารายนี้มีความยาก กว่าจะได้ตัวผู้ต้องหามา ทางตำรวจต้องอดหลับอดนอน ทั้งหาภาพจากกล้องวงจรปิด

 

ทั้งนี้ ถือว่าทางตำรวจชุดสืบสวนทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 2 วัน สามารถจับตัวนายรุ่งได้แล้ว และวันนี้สามารถจับตัวคนร้ายที่ชื่อนายเบิร์ดได้ ซึ่งทั้งนี้และก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการระดมกวาดล้างอาวุธปืนเข้มข้นขึ้น ทั้งในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ก็ปิดล้อมตรวจค้น เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประชุมและวิเคราะห์ รวมถึงการวางแผนเพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

การทำงานในครั้งนี้ตนเองไม่หนักใจ ที่กลุ่มคู่กรณีวัยรุ่นทั้งคู่มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนในการแจ้งข้อกล่าวหาในขณะนี้ มีนายเบิร์ดและนายรุ่ง คือร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันเจตนาฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา และสอบในฐานะเป็นพยาน โดยพิจารณาในเรื่องของการถูกกระทำ ต้องพิจารณาในการกระทำความผิดอีกครั้งต้องสอบสวนให้รอบคอบ

ซึ่งกรณีที่นายเบิร์ดได้บอกว่า คู่กรณีของตนเองก็มีอาวุธปืนโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนควบคู่กันอยู่ ที่มีการยิงต่อสู้กัน ซึ่งในที่เกิดเหตุมันยากตรงที่เป็นตลาดเปิดใหม่ และยังไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบสวนพยานแวดล้อม และสืบสวนให้รอบด้าน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลของกลุ่มวัยรุ่นในกระเพาะหมูหรือตำบลบางกระเจ้า อำเภอพระประแดงอยู่แล้ว

หลังจากนี้จะต้องมีมาตรการเข้มข้นให้มากขึ้นในการป้องกัน และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งนี้ตนเองสัญญาว่าไม่รู้จักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะพยายามทำให้เต็มที่ ส่วนเรื่องการแก้แค้นไม่มีความกังวล เพราะมีมาตรการในการป้องกันอยู่แล้ว และขอฝากไว้ว่าไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย