แก๊งเช่ารถเชิดหนี กว่า 50 คัน จับ 8 คน หัวหน้าแก๊งไปจนถึงลูกสมุน

 

ตำรวจทางหลวงเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการ “โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” รวบ 8 ผู้ต้องหาตั้งแต่หัวหน้าแก๊งไปจนถึงลูกสมุน แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน พฤติกรรมตระเวนเช่ารถแล้วเชิดหนี ก่อนนำมาปลอมเอกสารครอบครองรถ ยื่นขอเปลี่ยนทะเบียนข้ามจังหวัด กลายเป็นรถถูกกฎหมายโพสต์ขายทางโลกออนไลน์ คาดทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คัน พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท

ตำรวจทางหลวงเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งโจรลักรถฟอกขาว เปิดเผยขึ้นที่ห้องแถลงข่าว กองบังคับการปราบปราม (บก.) เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 20 มี.ค. พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.ทศพล กิตติลาภ สวญ.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. และ พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. แถลงผลการทลายขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่า ปลอมแปลงเอกสารราชการตบตาเจ้าหน้าที่ไปขอเปลี่ยนเลขทะเบียนกลายเป็นรถถูกกฎหมาย ก่อนประกาศขายผ่านโซเชียลมีเดีย

ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมนายธราเทพ ปิ่ณฑศิริ อายุ 32 ปี และ น.ส.ภัทราดา จันทรศิริ อายุ 32 ปี หัวหน้าขบวนการ ที่ร้านอาหารริมถนน ทล.375 ก่อนถึงแยกลำลูกบัว ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พร้อมเครือข่ายอีก 6 คนทำหน้าที่โจรกรรมรถ ปลอมเอกสาร โพสต์ขายรถตามสื่อสังคมออนไลน์ และคนทำหน้าที่รับส่งรถที่ได้มาจากการโจรกรรม ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร ข้อหาร่วมปลอมแปลงเอกสารราชการ ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และข้อหาแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร

พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายทำกันเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำมีผู้ต้องหาจำนวนมาก ตำรวจทางหลวงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับไว้ 9 หมาย ใช้เวลาสืบสวนเป็นระยะเวลา 2 เดือน จับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คนอีก 1 คนยังหลบหนี

พ.ต.ท.ทศพล กิตติลาภ กล่าวว่า คดีนี้มาจากตำรวจทางหลวงจับกุมป้ายทะเบียนปลอมอย่างเข้มงวด ทำให้คนร้ายเปลี่ยนวิธีด้วยการฟอกขาวเปลี่ยนป้ายทะเบียน จากรถที่ผิดกฎหมายให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 กลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่าติดต่อขอเช่ารถจากบริษัทผู้เสียหายใน จ.ฉะเชิงเทรา ถึงกำหนดคืนรถกลับไม่สามารถติดต่อได้และสัญญาณจีพีเอสถูกตัด เชื่อว่ารถถูกขโมยเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ ต่อมาวันที่ 7 ม.ค.ผู้เสียหายตรวจสอบข้อมูลรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” พบว่า รถคันดังกล่าวแจ้งเปลี่ยนทะเบียนจาก กบ 2812 ฉะเชิงเทรา ไปเป็น กอ 5657 นครปฐม จึงขอความช่วยเหลือมายังตำรวจทางหลวงผ่านสายด่วน 1193 จากการประสานความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกทำให้ทราบว่า เอกสารทั้งหมดที่กลุ่มคนร้ายใช้ยื่นขอเปลี่ยนเลขทะเบียนรถเป็นเอกสารปลอม

“ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.ตำรวจทางหลวงตรวจพบว่า มีผู้ขับรถคันดังกล่าวออกจาก จ.นครปฐม มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ประสานสกัดจับได้ที่ จ.ตาก สอบสวนผู้ขับขี่รับว่า เห็นประกาศขายรถผ่านโซเชียลมีเดียขายพร้อมเล่มคู่มือจดทะเบียน ทำให้หลงเชื่อซื้อมาราคา 300,000 บาท ไปรับรถจากปั๊มน้ำมันใน จ.สุพรรณบุรี นำตัวพร้อมรถของกลางกลับมาสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม เพื่อขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทราบว่า ขบวนการฟอกขาวรถจากการขโมยรถเช่ากลุ่มนี้แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ได้แก่ กลุ่มสั่งการและเป็นนายทุน กลุ่มทำหน้าที่ขโมยรถเช่า กลุ่มทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารยื่นขอทะเบียนใหม่พร้อมเล่มคู่มือจดทะเบียน กลุ่มทำหน้าที่โพสต์ขายรถยนต์ที่ฟอกขาวเรียบร้อยแล้วในโซเชียลมีเดีย และในส่วนทำหน้าที่นักบินรับส่งรถที่ได้มาจากการโจรกรรม” พ.ต.ท.ทศพลกล่าว

สวญ.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล.กล่าวด้วยว่า ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.ตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล.ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหา 9 คน ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาใช้ตำรวจทางหลวงกว่า 30 นาย เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ ให้การว่า รอบปีที่ผ่านมาฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยเฉลี่ยเดือนละ 4 คัน เงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ ดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น กล่าวว่า ตำรวจเชื่อว่ามีรถถูกฟอกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คัน ประสานกับกรมการขนส่งทางบกให้คัดกรองรถที่มีความเสี่ยงออกมา จากนั้นจะดำเนินการตรวจสอบทะเบียนและผู้ครอบครองเพื่อดำเนินการต่อไป มิจฉาชีพมีลักษณะการทำงานและรูปแบบซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการให้เช่ารถยนต์หรือรถ จยย. ตลอดจนประชาชนผู้ครอบครองรถยนต์และรถ จยย.ต้องใช้ความระมัดระวังการทำสัญญาเช่าหรือขายด้วย