ฝุ่นเชียงใหม่ ยังพุ่ง พ่อสุดห่วงลูกสาว 7 ขวบ เลือดกำเดาไหลหนักกว่าทุกปี
ฝุ่นเชียงใหม่ ยังพุ่ง พ่อสุดห่วงลูกสาว 7 ขวบ เลือดกำเดาไหลหนักกว่าทุกปี
“เชียงใหม่” ยังอ่วม ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่ กระทบต่อสุขภาพ ด้านคุณพ่อสุดห่วง เผยคลิปลูกสาว 7 ขวบ “เลือดกำเดา” บอกครั้งนี้เป็นหนักกว่าทุกปี
21 มี.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ ยังคงถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควัน แม้ว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะคลี่คลายลงไประดับหนึ่ง โดยเป็นผลมาจากกระแสลมตะวันออกที่พัดผ่าน ซึ่งส่งผลดี ทำให้ปริมาณฝุ่นควันเบาบางลง อย่างไรก็ตามพบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีจุดความร้อนจากการเผาจำนวนมาก
จากการตรวจวัดของดาวเทียมในรอบ 24 ชั่วโมง ของวันที่ 20 มี.ค. 68 มีจำนวนทั้งสิ้น 48 จุด และผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่ยังคงสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ จากสถานีใน ตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และ ตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 10.00 น. วันนี้อยู่ที่ 48.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 27.3 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 46 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 56.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 25.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 64.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 129, 60, 123, 150, 53 และ 173 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100
สำหรับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน และมลพิษอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ คนแก่และเด็ก ซึ่งพบว่ามีเด็กๆ เชียงใหม่ เป็นจำนวนมาก ที่เกิดอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และเลือดกำเดาไหล โดยเห็นได้จากการแจ้งข้อมูลที่มีการโพสต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ทั้งทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดังและเฟซบุ๊กส่วนตัว แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ย่อมสร้างความกังวลใจเกี่ยวกับผลกระทบสุขภาพในระยะยาว เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีเลือดกำเดาไหลพุ่งออกมาจากจมูกเป็นจำนวนมาก จนกระดาษทิชชูที่ใช้ซับเลือดเป็นสีแดง และเลือดยังเปื้อนเสื้อที่สวมใส่ด้วย ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
โดยจากการสอบถาม นายชัย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ลูกสาวของตัวเองที่เลือดกำเดาไหลในคลิปที่โพสต์ ชื่อน้องมะนาว อายุ 7 ปี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเที่ยงวันที่ 19 มี.ค. 68 เชื่อว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์ฝุ่นควันและมลพิษอากาศ ที่คนทั้งจังหวัดเชียงใหม่และอีกหลายจังหวัดภาคเหนือกำลังเผชิญอยู่อย่างแน่นอน
เนื่องจากตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา สถานการณ์ฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เลวร้ายมาก และทุกๆ ปีในช่วงที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ลูกสาวของตัวเองมักจะมีเลือดกำเดาไหลเสมอ ซึ่งปีนี้ตัวเองได้พยายามดูแล และปกป้องลูกสาวอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการให้ทำกิจกรรมอยู่แต่ในบ้านที่ปีนี้เพิ่งติดตั้งเครื่องเติมอากาศ และเปิดเครื่องฟอกอากาศด้วย ทำให้ที่ยังไม่มีปัญหาเลือดกำเดาไหล
อย่างไรก็ตาม ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตัวเองมีความจำเป็นต้องออกไปธุระที่นัดหมายในตัวเมืองเชียงใหม่ และต้องพาลูกสาวไปด้วย ซึ่งระหว่างทางได้จอดรถในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เพื่อแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและกินข้าวกลางวันในร้านอาหาร ที่อยู่ในปั๊มประมาณ 15 นาที ซึ่งจำเป็นต้องถอดหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ และเมื่อเสร็จแล้วได้รีบกลับขึ้นรถยนต์ แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังสตาร์ทรถ และจะขับออกไปนั้น ลูกสาวของตัวเองได้ร้องบอกว่าเลือดกำเดาไหล จึงจอดรถดูอาการ และพบว่าลูกสาวมีเลือดกำเดาไหลออกมามากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาจนเลือดเต็มกระดาษทิชชูที่ใช้ซับและเปื้อนเสื้อผ้า จนทำตัวเองต้องรีบพาลูกสาวกลับบ้าน และยกเลิกการทำธุระที่นัดหมายไว้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ลูกสาวของตัวเองไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใด แม้ว่าเลือดกำเดาจะไหลออกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเนื่องจากคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้พอสมควร เพราะเกิดขึ้นทุกปี แต่สำหรับตัวเองที่เป็นพ่อแล้วยอมรับว่ารู้สึกเป็นห่วง และกังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพของลูกสาว โดยเฉพาะในระยะยาว จากการที่ต้องได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาฝุ่นควันที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญวิกฤติซ้ำซากเป็นประจำทุกปี
ซึ่งเชื่อว่านอกจากลูกสาวของตัวเองแล้ว ยังมีเด็กๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกันและคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าเหมือนเด็กๆ ถูกปล้นการใช้ชีวิตไป เพราะไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้ตามวัย
ทั้งนี้ ทราบดีว่าวิกฤติฝุ่นควันไฟป่านั้น เป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขให้หมดสิ้นไปในทันที แต่อยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มุ่งแก้ไขบรรเทาปัญหาด้วยความจริงใจ โดยยึดข้อเท็จจริงและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะมัวเป็นห่วงภาพลักษณ์ หรือเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพราะพบว่ายังมีทีมงานประชาสัมพันธ์ของบางหน่วยงานสื่อสารผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดีย คล้ายทำให้เข้าใจว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงและเชิญชวนให้คนมาท่องเที่ยวกัน