นายกฯ พอใจตำรวจทลายรังบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่ เล็งใช้ กม.ฟอกเงินจัดการ

“นายกฯ อิ๊งค์” ลุยโกดังบางบัวทองเอง ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ยึดของกลาง 2.6 แสนชิ้น มูลค่า 130 ล้านบาท ชมตำรวจทลายล็อตใหญ่ พร้อมย้ำของกลางทำลายทุกชิ้น เล็งใช้กฎหมายฟอกดเงินตรวจสอบเส้นทางเงิน

วันที่ 18 มีนาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและส่งออกบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกลุ่มและยึดของกลางว่า ต้องขอชื่นชมตำรวจที่จับกุมได้ล็อตใหญ่ สิ่งที่รัฐบาลกังวลคือสารเสพติดที่จะนำไปผสมกับบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้หลายเคสเกิดอันตรายถึงชีวิต สิ่งพวกนี้เป็นสารเสพติดที่ติดและเลิกยาก การจับกุมครั้งนี้จึงเป็นผลงานที่น่าชมเชย อย่างไรก็ตามเราต้องบอกประชาชนและเยาวชนว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและมีบทลงโทษ เราไม่อยากให้บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาไปเป็นเรื่องของยาเสพติด รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องยาเสพติดเราจะต้องเข้มงวดมากขึ้น ตำรวจทราบดีว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่า โกดังที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับทราบหรืออย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูที่มาว่ามาอย่างไรมีกระบวนการอย่างไรซึ่งเราทำเต็มที่ เมื่อถามต่อว่า ประชาชนเกรงว่าเมื่อมีมาตรการออกมาก็จะเข้มข้นแค่ช่วงหนึ่งจากนั้นก็เฉื่อยชา จะมีมาตรการอื่นให้ความมั่นใจว่าจะทำต่อเนื่องหรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า เริ่มต้นอาจจะสับสนแต่เมื่อทุกอย่างไหลลื่นก็จะเห็นผล ไม่ต้องห่วงเป็นหน้าที่ของนายกฯ และรัฐบาลที่ต้องสร้างความชัดเจน และประชาชนก็ต้องช่วยด้วย ประชาชนถ้าทราบว่าผิดกฎหมายขอให้เลี่ยง เมื่อถามด้วยว่า ของกลางจะทำอย่างไร เนื่องจากเกรงจะมีการนำไปขายหรือใช้ต่อ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะทำลายหมดเรานับจำนวนชิ้นเอาไว้ การทำลายจะป้องกันไม่ให้สารอันตรายออกมาด้วย

ขณะที่ น.ส. จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ของกลางทั้งหมดจะส่งไปยังกรมศุลกากร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้าง และจะนำกฎหมายการฟอกเงินเข้ามาช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย ในส่วนของศุลกากรได้สั่งให้เข้มงวดเรื่องการลักลอบนำเข้าและการสำแดงสินค้า

ด้าน พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ตำรวจได้ทำการค้น 9 จุด พบของกลาง 5 จุด และขยายผลไปจับกุมได้อีกรวมทั้งหมดตรวจค้น 10 จุด ได้ของกลาง 260,000 ชิ้น มูลค่า 130 ล้านบาท และตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายออกมาสามารถจับกุมได้ 800,000 ชิ้น มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ครั้งนี้เยอะที่สุด โดยมีผู้กระทำความผิด 2 ราย จับกุมได้แล้ว 1 ราย อีก 1 ราย ออกหมายจับแล้ว

ด้าน พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า การจับกุมเคสนี้ได้มาจากเว็บไซต์ ทำให้ตำรวจสืบสวนจนทราบจนจับกุมผู้นำเข้าและผู้จำหน่าย ซึ่งโกดังจุดนี้ถือว่าทำครบวงจร แม้โกดังนี้จะะอยู่หลังสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง แต่เป็นโกดังปิดทำให้ตรวจสอบได้ยาก เมื่อถามว่า คนที่เช่าโกดังเป็นภรรยาของตำรวจ พล.ต.ท. สยาม กล่าวว่า เจ้าของโกดังเป็นอดีตภรรยาตำรวจจริง แต่ปล่อยให้เช่าโดยไม่ทราบว่ามีการกระทำผิด ดังนั้นคนที่มาเช่าต่อคือผู้กระทำความผิด