ข่าวทั่วไป

นายกฯปลื้มผลงาน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายลด

นายกฯปลื้มผลงาน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายลด

 

นายกฯปลื้มผลงานปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 เดือน มูลค่าความเสียหายลด 200 ล้านบาท ลั่นรัฐบาลเดินหน้าต่อลุยให้ถึงที่สุด ด้านจเรตำรวจฯย้ำผลกวาดล้างที่เมียวดี คุมตัวได้ 5.2 พันคน ส่งกลับประเทศต้นทางไปแล้วกว่า 3.5 พันคน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน-อินเดีย คาดยังมีทำงานในแก๊งคอลฯอีกกว่า 1 หมื่นคน สอดคล้องกับผลการสกรีน คนต่างชาติเข้า อ.แม่สอด เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์สมัครใจมา ขณะที่ศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ทยอยส่งกลับอีก 5 สัญชาติ อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ไต้หวัน ญี่ปุ่น รวมสองวัน 612 คน

หลังจากรัฐบาลไทยออกมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยการตัดกระแสไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเมืองเมียวดีและเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา มากว่า 1 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มี.ค. เวลา 11.00 น. ที่ห้องโดมม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ นายประเสริฐแถลงหลังการประชุมว่า

วันนี้เห็นได้ชัดว่ายาแรงที่เราใช้เริ่มเห็นผลออกฤทธิ์ชัดเจน ตั้งแต่ต้นปีสถิติรับแจ้งคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ พบว่า ระหว่างวันที่ 1-31 ม.ค.2568 มีทั้งสิ้น 31,159 คดี หลังมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.จนถึงปัจจุบัน มีเหลือ 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 20 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากเดิมรับแจ้งมากกว่า 1,000 คดีต่อวัน ลดลงร้อยละ 67 เป็นผลจากมาตรการเข้มข้นของรัฐบาล และข้อมูลที่ได้จากศูนย์ AOC 1441พบว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าความเสียหายลดลง 200 ล้านบาท แยกเป็น 1.คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ ลดลงร้อยละ 88.64 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 94.24/ 2.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 17.51 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 55.49/ 3.คดีหลอกลวงให้ลงทุน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 62.22 มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ 97.21 นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มตระหนักถึงภัยจากการหลอกลวงมากขึ้น

ด้าน พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ช่วงที่ผ่านมา เน้นที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน เนื่องจากใช้ช่องว่างทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี เมื่อกระทำผิดแล้วถูกจับกุมส่วนใหญ่จะถูกดำเนินคดีลักลอบเข้าเมืองและลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนมาตรการตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน สถิติกวาดล้างเบื้องต้น จำนวน 5,251 คน ส่งกลับประเทศแล้ว 3,533 คน เหลือ 1,718 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและอินเดีย และจะกวาดล้างต่อเนื่องให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่บริเวณฝั่งเมียนมาหมดไป ทั้งนี้ จากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกมาตรการ 7 ข้อ ในการควบคุมต่างชาติ 3,652 ราย ที่เข้าพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ทั้งทางบกและทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-26 ก.พ.2568 พบว่าสมัครใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ สมัครใจเดินทางกลับหลังถูกเจ้าหน้าที่ซักถาม จึงยืนยันได้ว่าคนต่างชาติที่เข้าไทย ไม่มีใครถูกบังคับขู่เข็ญ วางยาสลบแล้วพาข้ามฝั่งไป แต่พอถูกบังคับทำร้าย จะเป็นเรื่องของการค้ามนุษย์ เชื่อว่ายังมีอีกกว่า 1 หมื่นคนในฝั่งเมียวดีที่ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ส่วนการกวาดล้างในฝั่งกัมพูชา จเรตำรวจฯ กล่าวว่า หลังจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมไทย-กัมพูชา และนำคนไทยที่ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมา 119 คน เป็นเยาวชน 4 คน ที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นเหยื่อ 2 คน ส่วนอีก 2 คน คาดว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทำให้ตอนนี้ทั้ง 115 คน ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วในข้อหาการมีส่วนร่วมกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีโทษจำคุกถึง 15 ปี ร่วมกันฉ้อโกง อั้งยี่ซ่องโจร นับเป็นครั้งแรกที่ไทยปิดช่องว่างการอ้างว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ทำให้เมื่อกลับมาแล้วไม่ถูกดำเนินคดีแล้วกลับไปก่อเหตุที่ฝั่งกัมพูชาอีก เชื่อว่าจากนี้เราจะเอาคนไทยที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายมาดำเนินคดีข้อหาหนักได้ รวมถึงการยึดทรัพย์

ต่อมาเวลา 12.36 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ติดตามต่อเนื่องเรื่องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันว่ารัฐบาลกำลังมาถูกทาง สถิติการจับกุมเป็นที่น่าพอใจ แต่รัฐบาลไม่หยุดแค่นี้ จะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยประมวลผลอย่างแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อรื้อถอนปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยอีกหนึ่ง KPI ของรัฐบาล คือการทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยต่อการใช้ชีวิต โอกาสนี้ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่จนเกิดการจับกุมและลดความเสียหายลงอย่างต่อเนื่องได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของทุกท่าน

ขณะที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม รองประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทน ราษฎร รับหนังสือร้องเรียนจากนายจารุวัฒน์ จิณห์ มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ที่นำเหยื่อการค้ามนุษย์ 10 คน จากแก๊งสแกมเมอร์ชาวจีนในกัมพูชา มาขอความอนุเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะขณะนี้ผู้เสียหายถูกอายัดบัญชี บางส่วนถูกหมายเรียก ถูกออกหมายจับ บางส่วนติดคุก แต่ผู้ค้ามนุษย์ตัวจริงกลับไม่เคยถูกจับ ยังคงสร้างปัญหาอยู่เช่นเดิม จึงมาร้องเรียนเพื่อให้แก้ปัญหานี้เร่งด่วนที่สุด

ส่วนการส่งชาวต่างชาติที่ถูกทางการเมียนมาและกองกำลังกะเหรี่ยง BGF นำตัวออกมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ มาไว้ที่เมืองเมียวดี เพื่อส่งกลับประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ได้รับการประสานจากทูตประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา ไต้หวัน ในการรับพลเมืองตัวเองกลับในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ประกอบด้วยชาวอินโดนีเซีย 400 คน ชาวศรีลังกา 15 คน และ ชาวไต้หวัน 12 คน รวม 427 คน โดยเจ้าหน้าที่ไทยนำผู้แทนทูตทั้ง 3 ประเทศ เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ไปรับพลเมืองตัวเองกลับจากฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา โดยมี พ.ท.หน่าย หม่องโซ โฆษกกองกำลังกะเหรี่ยง BGF รอต้อนรับและส่งมอบบุคคลทั้งหมดให้กับตัวแทนทูตทั้ง 3 ประเทศ นำขึ้นรถบัสข้ามมายังอาคารเทอร์มินอล ฝั่งไทย เพื่อคัดกรองตามกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เมื่อเสร็จแล้วให้ทั้งหมดพักรออยู่ที่อาคารเทอร์มินอล กระทั่งเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่นำขึ้นรถบัสออกเดินทางจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 มายังสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศต้นทาง และในวันที่ 18 มี.ค.มีการส่งเหยื่อการค้ามนุษย์กลับประเทศต้นทาง ประกอบด้วย ชาวอินโดนีเซีย 165 คน ชาวญี่ปุ่น 1 คน และชาวบังกลาเทศ 19 คน

 

Tags
ชายแดนแม่สอดตัดอินเตอร์เน็ตยาเสพติดสมช.หลอกลวงแก๊งคอลเซ็นต์เตอร์แก๊งมิจฉาชีพ

เรื่องอื่นๆ แนะนำต้องดู

Back to top button