ยันทำถูกต้องตามยุทธวิธี ปมหนุ่มร้องจอดรถไปซื้อของ ตำรวจกระชากดึงเข้าด่านเป่าเมา
ยันทำถูกต้องตามยุทธวิธี ปมหนุ่มร้องจอดรถไปซื้อของ ตำรวจกระชากดึงเข้าด่านเป่าเมา
สุรินทร์ – หนุ่มร้องขอความเป็นธรรม จอดรถจะเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เจอตำรวจโผล่กระชากดึงเข้าด่านเป่าแอลกอฮอล์ มองทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ด้าน ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ โดดป้องลูกน้อง ยันเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่สงสัย เป็นไปตามหลักยุทธวิธี ขณะที่ ผู้การฯ ชี้ไม่ได้ใช้กำลังอะไรมากมาย ไม่ได้ฉุดกระชากลากไป หวังสังคมจะเข้าใจ
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายนันทวัฒน์ นิตยวัน อายุ 49 ปี ว่า เมื่อคืนนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2568 เวลา 03.00 น. ได้ไปซื้อของ (บุหรี่) ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ใกล้กับซอยเทศบาลบำรุง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาล็อกกุญแจมือและลากตัวไปที่ด่านตรวจที่ห่างออกไปประมาณ 60 เมตร เพื่อบังคับให้เป่าแอลกอฮอล์ และบังคับให้เซ็นชื่อในใบจับกุม การทำแบบนี้ถือว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงอยากจะร้องเรียนสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม
ากนั้นช่วงเช้าวันนี้ (17 มี.ค. 68) พ.ต.อ.เอกพงษ์ พลมณี ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ ได้เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า “วันที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดตรวจวินัยจราจรและตรวจยาเสพติดตามปกติ ต่อมาผู้ที่ร้องเรียนก็ขับรถมาจะถึงด่าน ประมาณ 10 เมตร ก็จอดรถหลบจอดชิดหน้าร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สงสัยว่าอาจจะเมาสุราหรือไม่ จึงเข้าไปเชิญตัวมาตรวจเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์
“เรามีอำนาจหน้าที่สงสัย สายตาก็เห็น นี่จะถึงด่านเขาหลบ เปรียบเทียบเหมือนผู้ค้ายาเสพติดมา เมื่อเห็นด่านเขาก็ต้องหลบเลี่ยง ตำรวจก็สงสัยว่าได้กระทำความผิดมาหรือมีสิ่งของผิดกฎหมายเท่านั้น
ตำรวจก็ไปเชิญตัวมาเป่าตรวจแอลกอฮอล์ น้องก็ไม่ยอม เพื่อนตำรวจก็มาช่วยสองคนตามหลักยุทธวิธี เผื่อว่ามีอาวุธ พอไปตรวจก็พบปริมาณแอลกอฮอล์ 111 ปริมาณเปอร์เซ็นต์ ก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ตำรวจก็นำน้องเขามาโรงพัก เราก็อำนวยความสะดวกให้ประกันตัวไป ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ พอฟื้นขึ้นมาหายเมาก็มาพบร้อยเวร ขอตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเกินกว่าเหตุไหม ตำรวจร้อยเวรก็ใจดีลงประจำวันให้ เขาก็เอาใบบันทึกประจำวันไปที่ร้านสะดวกซื้อดังกล่าว เพื่อขอคลิปมา เจตนาหาว่าตำรวจทำอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
คลิปที่ออกสื่อ ก็คลิปมาจากตำรวจ ถ้าไม่ลงประจำวัน ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวก็คงไม่ให้ ตำรวจยืนยันว่าทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้มีอะไรที่ประพฤติที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเราก็กำลังพิจารณาว่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงานหรือไม่ สื่อก็ลงโซเชียลไป ประชาชนก็ไม่ชอบตำรวจก็มาก ช่วยกันแชร์ออกไป ตนก็ถือโอกาสนี้ ชี้แจงอีกด้านว่าเรื่องเป็นแบบนี้ ตำรวจมีความบริสุทธิ์ใจ ทำตรงไปตรงมาอยู่แล้ว” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น.ที่ สำนักงานตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ขณะที่ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย
พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เปิดเผยว่า การที่ตำรวจตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรหรือกวดขันเรื่องคนดื่มเครื่องดองของเมา ทั้งเหล้าเบียร์ต่างๆ การตั้งจุดตรวจเป็นไปตามหลักที่ สนง.ตำรวจแห่งชาติกำหนด มีป้ายไฟป้ายสามเหลี่ยม วางกรวยบอกกำหนดขั้นตอนในการดำเนินการ มีการแบ่งหน้าที่การทำการตั้งจุดตรวจประกอบด้วยจุดคัดกรอง ก่อนถึงจุดปฏิบัติและมีส่วนระวังหลัง เพราะฉะนั้นการทำงานก็มีสามส่วนด้วยกันเรื่องหลักๆ ซึ่งเวลาดังกล่าวเป็นจุดปฏิบัติประจำของ จนท.ตำรวจอยู่แล้ว ในการกวดขันในเรื่องของการดื่มสุราและขับขี่ ซึ่งในพื้นที่ก็เคยเกิดเหตุคนดื่มสุรา ยังฝ่าฝืนขับรถและไปชนผู้ที่ปั่นจักรยานออกกำลังกายเสียชีวิตในช่วงเช้ามืด ตรงนี้ทาง สนง.ตำรวจแห่งชาติ โดยมีการดำเนินการมาตลอด จ.สุรินทร์ ก็มี ผวจ.สุรินทร์ เป็นหัวหน้าในการแก้ไขปัญหาในการเกิดอุบัติเหตุจราจรของจังหวัด มีการประชุมขับเคลื่อนทุกเดือน ในส่วนอำเภอก็มีนายอำเภอเป็นหัวหน้าส่วนในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุอุบัติภัยทางถนน สถิติการเกิดอุบัติเหตุ ของ จ.สุรินทร์ เมื่อปี 66 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุประมาณ 1 คนต่อ 1 วัน มีการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง หลายฝ่ายร่วมมือกันแก้ปัญหา จนปัจจุบันสถิติเหลือประมาณวันละครึ่งคน ตัวเลขที่ตนอยากจะเห็นไม่เกินสิบคน หรือหลักหน่วยหรือไม่มีเลยเหมือนจังหวัดอื่นๆ จะได้อยู่อย่างมีความสุข บางครั้งคนที่ไม่รู้เรื่องต้องมาเสียชีวิตเพราะคนเมาขับรถต่างๆ
จากการดูกล้องของ จนท.สายตรวจ พบว่าไม่ได้ใช้กำลังอะไรมากมาย เมื่อสั่งให้ไปไม่ไป ก็มีความจำเป็นด้วยเหตุและพฤติการณ์ ต้องมีการควบคุม การควบคุม ปกติการใส่กุญแจมือก็ต้องใส่ทั้งสองข้าง แต่รายนี้ตำรวจใส่แค่ข้างเดียว เขาก็ยอมเดินไปกับตำรวจ อาจจะเป๋นิดนึง ตอนแรกนั่ง ดูจากกล้องได้ ถือว่าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ การตั้งจุดตรวจเพื่อป้องปรามไม่ให้คนดื่มสุราเดินทาง ดื่มได้ให้อยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน แต่ที่เกิดเหตุ ตีสามแล้ว เป็นเวลาที่บุคคลทั่วไปพักผ่อนกันแล้ว แต่ยังออกมาซื้อบุหรี่ดูดหรืออะไรไม่ทราบ อย่างที่บอก จุดเกิดเหตุห่างจากด่านแค่ 10 เมตร เท่านั้น แต่หลักการตั้งจุดตรวจกี่เมตรก็ได้ อย่างที่บอก ส่วนการคัดกรองจะอยู่ก่อนจุดตรวจ คือคัดก่อนไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปตรวจใครก็ได้ ต้องคัดกรอง มีพฤติการณ์ว่าดื่มมา จนท.ตำรวจถึงจะให้เป่า
ทำไมตำรวจให้ลดกระจกแล้วทำไมต้องชวนคุยกับคนที่ขับรถผ่านจุดตรวจต่างๆ แต่เป็นกุศโลบายให้คนที่ขับรถมาเขาตอบ เพื่อให้ทราบว่ามึนเมามาหรือไม่ ทั้งหน้าแดง กลิ่นละมุดออก พอพูดก็จะส่งกลิ่นออกมา การตั้งจุดตรวจ ทางตำรวจจราจรก็มีการลงระบบที่ สนง.ตำรวจแห่งชาติกำหนดเรียบร้อย
ส่วนการลงเฟซบุ๊กของท่านหนึ่ง ระบุว่า ไม่รู้ว่าตรงหน้าร้านเมย์มีการตั้งด่านตรวจ ภาพที่เขามาแนบ ภาพมันฟ้องอยู่แล้ว ว่ามีป้ายสามเหลี่ยม กรวยไฟสามเหลี่ยม แต่เขียนว่า เนื่องจากไม่มีกรวยสัญญาณไฟให้เห็น แต่ข้อเท็จจริงก็เห็นชัดๆ คนที่ขับขี่มาเห็นไฟ เพราะ สนง.ตำรวจแห่งชาติกำหนดว่าต้องมีไฟ ซึ่งสามารถมองเห็นในระยะ 150 เมตร แล้วจอดลงไปซื้อบุหรี่ ห่างแค่ 10 เมตร ความห่างห้องคูหา ประมาณห้องครึ่งเท่านั้น พอตำรวจเดินไปสอบถามก็มีกลิ่นสุราพูดจาลักษณะไม่ปกติ มีกลิ่นแอลกอฮอล์เสียงพูดบ่งบอกได้ชัด มีพฤติการณ์ว่าดื่มแอลกอฮอล์มาแน่นอน พยายามขัดขืนด้วยการนั่ง ตำรวจจึงเชิญไปเป่าก็ไม่ไป ตำรวจจึงต้องใช้อำนาจในการควบคุมใส่กุญแจมือไปข้างหนึ่ง เพื่อให้ไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ ภาพปรากฏชัดเจนไม่ได้ฉุดกระชากลากไปแต่อย่างใด เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามยุทธวิธีอยู่แล้ว
ขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนักที่ให้ความสนใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีอยู่สองด้านทั้งไม่เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของ จนท.ตำรวจ และเข้าใจเห็นใจ จนท.ตำรวจ ฝากให้ประชาชนทราบและเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ จนท.ตำรวจด้วย ล้วนทำเพื่อความปกติสุขของสังคมและประชาชน