แฉพิรุธแก๊งฆ่า เคลม 14 ล้าน 28 ใบ 15 บริษัท ประกัน เตือนฉ้อฉล ติดคุก
แฉพิรุธแก๊งฆ่า เคลม 14 ล้าน 28 ใบ 15 บริษัท ประกัน เตือนฉ้อฉล ติดคุก
สมาคมประกันวินาศภัยไทยแจงคดี พ.ต.ท.ร่วม 4 ผู้ต้องหาวางแผนจัดฉากฆ่าหนุ่มเป็นคดีอุบัติเหตุรถชนฮุบเงินประกัน 14 ล้าน พบพิรุธทำประกันภัยซ้ำซ้อน 15 บริษัททั้งภาคบังคับและสมัครใจถึง 28 ฉบับ ก่อนยื่นเคลมค่าสินไหมทดแทนหลายพื้นที่ แถมมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน เผยไม่ใช่เคสแรกที่ฉ้อฉลประกันภัย อดีตเคยมีเสี่ยตัดนิ้วเคลมประกันหลายบริษัทวงเงินนับสิบล้าน เตือนใครทำผิดกฎหมายไม่ได้ค่าสินไหมทดแทนแน่นอน
จากคดีสะเทือนวงการประกันภัย กรณีตำรวจจับกุม พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี สว. (สอบสวน) สภ.วานรวิวาส จ.สกลนคร หลังถูก 4 ผู้ต้องหาซัดทอดร่วมวางแผนจัดฉากฆ่านายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี ให้เป็นคดีอุบัติเหตุรถชนกัน 3 คันแล้วนำกรมธรรม์รถ 3 คันกับหลายบริษัทไปเคลมกรมธรรม์ทั้งภาคบังคับและสมัครใจ 28 กรมธรรม์เป็นเงิน 14 ล้านบาท กระทั่งตัวประกันภัยบริษัทต่างๆ แจ้งความร้องทุกข์จับกุมกลุ่มผู้ต้องหา และ พ.ต.ท.นันท์มนัสที่เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีรถชนในความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นำตัวฝากขังศาลจังหวัดสว่างแดนดิน และไม่อนุญาตประกันตัวส่งเข้าเรือนจำ
ที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย สายวันที่ 14 มี.ค. ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า กรณีมีข่าวกลุ่มคนมีพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัย จัดฉากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนคนเสียชีวิตแจ้งเคลมเงินประกันภัยกว่า 14 ล้านบาท เหตุเกิดที่บ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ช่วงค่ำวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจสกลนครจับกุมผู้ต้องหาที่จัดฉากฆาตกรรมอำพรางหนุ่มวัย 32 ปี ทำเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ตกจากท้ายกระบะ ก่อนที่รถอีก 2 คันขับตามทับร่างเสียชีวิต บริษัทประกันภัยพบความผิดปกติอาจมีการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้น เนื่องจากพบรถดังกล่าวทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจรวม 28 กรมธรรม์ จาก 15 บริษัท วงเงินคุ้มครองรวมกว่า 14 ล้านบาท
คดีนี้เริ่มจากวันที่ 21 ก.พ.2568 มีบุคคลรับมอบอำนาจจากทายาทผู้เสียชีวิตยื่นเอกสารขอเบิกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยต่างๆ ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ผ่านบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขามุกดาหาร ทำหน้าที่รับคำร้องแทนบริษัทประกันภัยต่างๆและบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยรถ จำกัด สาขามุกดาหาร ได้ตรวจสอบข้อมูลรถคันเกิดเหตุพบว่ามีการเอาประกันภัย มีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหลายฉบับ จึงทำบันทึกรับแจ้งเหตุ แต่ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรอเอกสารจากผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทน
จากนั้นมีประสานบริษัทประกันภัยอื่นๆที่รับประกันภัยรถคันดังกล่าวเพิ่มเติมพบว่ามีความผิดปกติและอาจเข้าข่ายฉ้อฉล เนื่องจากมีการทำประกันภัยหลายฉบับในระยะเวลาใกล้เคียงกันและก่อนวันเกิดเหตุไม่กี่วัน และมีการยื่นเคลมค่าสินไหมทดแทนหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนด้วย จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบร่วมกัน และประสานงานไปยังสำนักงาน คปภ. และตำรวจในพื้นที่จนนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดจำนวนหลายรายในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมผู้ประสบภัยซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เหตุการณ์ครั้งนี้หากภาคธุรกิจประกันวินาศภัยไม่พบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการฉ้อฉลประกันภัย บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยจะต้องมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของรถทั้ง 3 คันที่ทำประกันภัยจากทั้งหมด 15 บริษัท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,100,000 บาท มีรายละเอียดดังนี้ 1.กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 22 ฉบับ ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 500,000 บาทต่อฉบับ รวมมูลค่า 11,000,000 บาท 2.กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 6 ฉบับ ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 500,000 บาทต่อฉบับ รวมมูลค่า 3,000,000 บาท 3.การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (ร.ย.01) 1 ฉบับ ความคุ้มครอง 100,000 บาท ขณะนี้ตำรวจมีหนังสือแจ้ง คปภ.มีคำสั่งชะลอการจ่ายค่าสินไหมทดแทนออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรณีบริษัทประกันภัยพบว่ามีการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้น เป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มาตรา 108/4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยฉ้อฉล บริษัทไม่ต้องรับผิดสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการฉ้อฉลหรือทุจริต ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลที่ทำแทนผู้เอาประกันภัยได้กระทำเพื่อให้ได้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย และบริษัทประกันภัยอาจใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ทันที
“ที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยพบกรณีการฉ้อฉลประกันภัยและมีการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายมาแล้ว อาทิ กรณีเสี่ยตัดนิ้วเพื่อเคลมประกันที่โด่งดังในอดีต มีการสืบหาข้อมูลได้ว่าเจ้าตัววางแผนทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ไว้หลายบริษัท เป็นเงินรวมนับสิบล้านบาท รวมถึงการจัดฉากรถชนกัน หรือการเอาน้ำร้อนลวกขาทั้งสองข้าง เพื่อสร้างเรื่องเป็นอุบัติเหตุ เพื่อหวังเงินประกัน” นายกสมาคมประกัน วินาศภัยไทย กล่าวและว่า การตระเวนซื้อกรมธรรม์ประกันภัยเหลายฉบับหลายบริษัทในลักษณะนี้ไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงภัย แต่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หากพิสูจน์ได้ว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริตมาทำประกันภัย เป็นการทำผิดกฎหมาย จะไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยแน่นอน
ที่ จ.สกลนคร วันเดียวกัน พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผบก.ภ.จ.สกลนคร มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครที่ 160/2567 ลงวันที่ 14 มี.ค.2568 ให้ พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี สารวัตร (สอบสวน) สภ.ศรีวิชัย จ.สกลนคร ผู้ต้องหาคดีอาญา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ออกจากราชการไว้ก่อน