บุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อน ยึดบ้านร้าง – ลักใช้ไฟหลวง เสียหายกว่า 11 ล้าน
บุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อน ยึดบ้านร้าง – ลักใช้ไฟหลวง เสียหายกว่า 11 ล้าน
ตำรวจ ปอศ. เปิดปฏิบัติการล่าขบวนการ “เหมืองบิทคอยน์” เถื่อนใน จ.ปทุมธานี ยึดบ้านร้าง – ลักไฟหลวง พบความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท
วันที่ 15 มี.ค. 68 พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. นำกำลังร่วมกับตำรวจ บก.ปทส. เข้าตรวจค้นพื้นที่ 4 เป้าหมาย เป็นบ้านร้างในพื้นที่ จ.ปทุมธานี 3 หลัง และบ้านพักหรูย่านรามอินทรา 65 จำนวน 1 หลัง หลังตรวจพบมีผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวงทำเหมืองขุดบิทคอยน์
จากการตรวจค้น สามารถตรวจยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 63 เครื่อง เครื่องควบคุมเครื่องขุดบิทคอยน์ 3 เครื่อง แผงวงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ 3 เครื่อง เราท์เตอร์ 3 เครื่อง อุปกรณ์กระจายสัญญาณ HUB 3 เครื่อง มิเตอร์ไฟฟ้าดัดแปลง 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่คลอง 6 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่ามีกลุ่มนายทุนบุกเข้ายึดบ้านร้างหลายแห่งในย่านนี้ เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อน รวมทั้งมีการดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าหรือมิเตอร์ไฟฟ้า ลักใช้ไฟฟ้าหลวง รวมถึงติดตั้งระบบระบายความร้อนและอุปกรณ์ควบคุมที่สามารถจัดการเหมืองจากระยะไกล
หลังรับเรื่องนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส ก่อนพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างเป็นระบบ จากหลักฐานที่พบเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังพบว่ามีบุคคลที่น่าเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าวอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่งย่านรามอินทรา 65 เมื่อปรากฏหลักฐานความเชื่อมโยงแน่ชัด จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมายทั้ง 4 แห่ง จนนำมาซึ่งการตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าของกลางกว่า 2 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพร้อมประเมินความเสียหายจากการลักใช้ไฟฟ้าหลวงของบ้านร้างทั้ง 3 หลังดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าความเสียหายอยู่ที่ราวๆ 11 ล้านบาท หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจค้นบ้านร้างที่ถูกลักลอบใช้ทำเป็นเหมืองขุดบิทคอยน์ ได้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นมา อันมีสาเหตุมาจากอุปกรณ์ที่ต่อไฟตรงในการลักลอบใช้ไฟฟ้า เสี่ยงต่อการเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นอย่างมาก