สปส.เคาะมติ ปรับเงินบํานาญ ผู้ประกันตนเฮได้เพิ่ม นายกฯ สอบงบซื้อตึก

ผู้ประกันตนมาตรา 39 มีเฮ บอร์ดประกันสังคมมีมติให้ปรับสูตรใหม่คำนวณเงินบำนาญชราภาพ ทำให้ได้รับเงินเพิ่มขึ้น “ไอซ์ รักชนก” เกาะติดไม่ปล่อย จี้ “พิพัฒน์” ตั้งกรรมการสอบ สปส.ใช้งบซื้อตึก 7 พันล้าน ขณะที่ สปส. แจงลงทุนในอาคาร SKYY9 ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าระยะยาว นายกฯเผยตั้งปลัด มท.สอบประกันสังคม “พิพัฒน์” ให้ “อนุทิน” ตั้งคณะกรรมการสอบทุจริตใช้งบ สปส. ส่วน “อนุทิน” แจงต้องให้ระดับปลัดสอบปลัด

ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มี.ค. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดประกันสังคมเป็นประธาน ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม ชุดที่ 14 ครั้งที่ 5/2568 มีวาระสำคัญ คือการพิจารณาปรับสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพใหม่ของผู้ประกันตนมาตรา 33 กับมาตรา 39 และพิจารณาร่างประกาศ คณะกรรมการประกันสังคม เรื่องการลงทุนในอสังหา ริมทรัพย์การลงทุนนอกตลาดและการลงทุนในกิจการ ร่วมลงทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด เป็นประกาศสำคัญที่สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์การลงทุนนอกตลาด จากเดิมที่ลงได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท กลายเป็น 137,000 ล้านบาท มี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรค ประชาชน รวมถึงมวลชนจำนวนมากปักหลักรอฟังผลการประชุมบริเวณใต้อาคาร

น.ส.รักชนกกล่าวว่า มาทวงสัญญาที่นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. เคยบอกว่าจะเปิดเผยมติและรายงานการประชุมบอร์ดผ่านเว็บไซต์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็น อาจจะผิดมาตรา 157 ได้ ส่วนการตรวจสอบการซื้อตึก SKYY 9 มูลค่า 7 พันล้าน เราไม่ได้ขัดขวางการลงทุน แต่ต้องคุ้มค่าและโปร่งใส เพราะมีบทเรียนการลงทุนจะถูกแทรกแซงได้โดยฝ่ายการเมืองทำให้มีการซื้อตึกแพงเกินจริง เวลา 16.00 น. วันที่ 11 มี.ค.ได้ไปยื่นหนังสือถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้ตรวจสอบการใช้งบ ประมาณไม่โปร่งใส ทั้งการทำแอปฯ 850 ล้านบาทการซื้อตึก 7 พันล้าน
ด้านนายสหัสวัตกล่าวว่า สปส.ใช้งบประมาณกองทุนฯกว่า 7 พันล้าน ซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้าน เราต้องการความชัดเจนในการเลือกลงทุนอสังหาฯว่าจะมีกระบวนการตรวจสอบอย่างไร ตัวเลข 3 พันล้านมาจากการประเมินมูลค่าของบริษัท สปส.ไม่ได้เข้าซื้อตึก SKYY9 โดยตรง แต่ไปซื้อบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ตึกนี้ มีการประเมินราคาสินทรัพย์ของบริษัทก่อนเข้าซื้ออยู่ที่กว่า 3 พันล้านและไม่ได้ซื้อแต่อสังหาฯ ไม่ได้ซื้อแค่ตึก SKYY9 แต่บริษัทนี้มีหนี้สินอยู่กว่า 2 พันล้าน ก็เอาเงินไปซื้อบริษัทนี้ พร้อมตึกพร้อมหนี้สิน ในสมัยที่นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมว.แรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวง แรงงาน อดีตเลขาธิการ สปส.

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. ชี้แจงกรณีการพิจารณาเข้าลงทุนในอาคาร SKYY9 สำนักงานประกันสังคม ว่า ได้ลงทุนผ่านกองทรัสต์ เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (PE Trust) มีลักษณะเป็นหน่วยลงทุนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย ที่ได้รับการรับรองจาก กลต. มีราคาประเมินตามวิธีพิจารณาจากรายได้ ประมาณ 7,300 ล้านบาทและประเมินโดยวิธีพิจารณาต้นทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท สปส.ได้เข้าลงทุนจริงที่ราคา 6,900 ล้านบาท

เลขาธิการ สปส.กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอาคาร SKYY9 มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 45% แบ่งเป็นผู้เช่าที่เข้าใช้พื้นที่แล้วประมาณ 25% ผู้เช่าที่อยู่ระหว่างการทยอยเข้าพื้นที่ภายในปีนี้อีกประมาณ 20% ทั้งนี้ ผู้บริหารอาคารได้จัดทำแผนการดำเนินงานต่างๆ ขึ้นมา มีเป้าหมายปี 2568 ที่ประมาณ 68% และ สปส.มีแผนติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดทุกเดือน ผลตอบแทนเงินสดที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อมีอัตราการเช่าคงที่จะไม่ต่ำกว่าประมาณ 5% ยังไม่รวมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ดินและอาคารในอนาคต

ต่อมาเวลา 12.30 น. นางมารศรี และนายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนบอร์ดฝ่ายผู้ประกันตน ร่วมแถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบรับหลักการปรับสูตรบำนาญให้กับผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมกลับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติม จากนี้ไปจะเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ระยะเวลา 90 วัน ทำควบคู่กับการปรับเพดานค่าจ้างในวันที่ 1 ม.ค.69 จะเป็นกระบวนการที่สอดรับกันพอดี ทั้งนี้ กลุ่มที่เกษียณอายุไปแล้ว ได้รับผลการปรับสูตรด้วย พิจารณาว่าคนที่ได้รับบำนาญอยู่แล้วถ้าได้ลดลงจะพิจารณาให้ได้เท่าเดิม หากรับน้อยอยู่แล้วจะให้ได้รับเพิ่มขึ้น มีผู้ประกันตนรับบำนาญอยู่ 8 แสนคน และทยอยเพิ่มปีละประมาณ 1 แสนคน ยืนยันว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 จะได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุม นายบุญสงค์ ไม่ได้ร่วมแถลงผลการประชุมกับนางมารศรี แต่ออกจากห้องประชุมชั้น 4 ลงมา ขึ้นรถออกจากสำนักงาน แจ้งในที่ประชุมว่าจะรีบไปทำเนียบรัฐบาล

อีกด้าน เวลา 11.30 น.วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชนออกมาเปิดเผยว่า กองทุนประกันสังคมมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7 พันล้านจากราคา 3 พันล้านบาท รัฐบาลจะจัดการอย่างไร ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงแรงงานดูอยู่แล้ว เราต้องช่วยกันรักษาผลประโยชน์ ต้องมีความโปร่งใสมากที่สุดไม่มีอะไรต้องห่วง เดี๋ยวให้กระทรวงแรงงานตามดู แน่นอนว่าเรื่องความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมหรือปรับปรุงรัฐบาลทำแน่นอน จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนรัฐบาลนี้ด้วยซ้ำ เราตรวจสอบและดูว่ามีอะไรที่สามารถทำให้ชัดเจนขึ้นได้บ้าง อันนี้ต้องดู อะไรที่ปรับปรุงเพิ่มได้ต้องทำแน่นอน เมื่อถามว่ารัฐบาลจะสะสางอย่างไร เพราะบางเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลที่แล้ว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องดูว่าทำอะไรได้บ้าง อะไรทำแล้วเกิดประโยชน์ กับประชาชนเราทำอยู่แล้วไม่ลังเลแน่นอน ถ้าต้องทำคือทำเลย ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและลงนามแล้ว โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ กรณีสำนักงานประกันสังคม ลงทุนซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท ในราคา 7 พันล้านบาทว่า จะตั้งคณะกรรมการสรรหาข้อเท็จจริง หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ลงนามตั้งคณะกรรมการ ให้สบายใจได้ไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่วนที่ สส.บางคนขุดคุ้ยในประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ดี มั่นใจทุกกระทรวงพร้อมให้ตรวจสอบ เมื่อถามว่าจะตั้งนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นกรรมการด้วยหรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า คงไม่ใช่ แต่ต้องดูถึงเลขาธิการ สปส.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงแรงงานเคยเป็นเลขาธิการ สปส.อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เช่นกัน

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า ได้เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการสรรหาข้อเท็จจริง สปส.เรียบร้อยแล้ว มีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงที่ปลัดแรงงานคนปัจจุบัน เป็นเลขาธิการ สปส.เมื่อมีระดับปลัดกระทรวงถูกสอบสวนด้วย จำเป็นต้องตั้งข้าราชการ ในระดับเดียวกันเพื่อเป็นผู้สอบสวนให้มีความชัดเจนและเสร็จสิ้นโดยเร็ว เหตุที่ตนเป็นคนตั้ง เพราะเป็นรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน

เมื่อถามว่า ประเด็นหลักการสอบสวนเรื่องการใช้งบประมาณ สปส.ซื้อตึกใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดขอบเขต ตรงไหนที่เป็นประเด็นที่เกิดปัญหาต้องสอบสวน ได้สั่งการให้พิจารณาเร็วที่สุดและจะไม่ก้าวก่าย แทรกแซงการสอบสวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินัยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องแล้วแต่ผลสอบสวนที่ออกมาเป็นการสอบสวนไม่ใช่การลงโทษหรือลงทัณฑ์ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเมื่อทราบแล้วมีความผิดปกติอะไรหรือไม่ หากไม่ชอบด้วยกฎหมายค่อยดำเนินการ