“ไอซ์ รักชนก-สหัสวัต” ทวงความคืบหน้าประกันสังคม เปิดข้อมูลใน 7 วัน จับตาบอร์ดประชุม ปรับสูตรบำนาญ แฉอีก กองทุนประกันสังคม ซื้อตึกพระราม 9 พร้อมหนี้สินเฉียด 3 พันล้าน โต้ “สุชาติ” ถ้ามีสติ คงไม่มีใครควักเงินซื้อของแพงเกินจริง จ่อยื่น “พิพัฒน์” สอบข้อเท็จจริง 4 โมงเย็นนี้

วันที่ 11 มี.ค. 2568 สำนักงานประกันสังคม นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรีพรรคประชาชน ร่วมเฝ้าสังเกตการประชุมบอร์ดกรรมการประกันสังคม หลังเมื่อวันอังคารที่ (3 มี.ค.) เข้าร่วมพูดคุยให้เปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใน 7 วัน ว่า จากที่เปิดดูในเว็บไซต์ยังไม่มีข้อมูลและมติจากบอร์ดแต่ละบอร์ดเปิดเผยบนหน้าเว็บไซต์รวมถึงรายงานการประชุมต่างๆ ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องตามต่อว่าจะลงเวลาไหนเพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนการผิดคำพูด ซึ่งจะเข้าข่าย ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นหากไม่ทำตามที่สัญญาไว้ก็อาจจะมีการดำเนินการต่อ

ด้านนายสหัสวัต กล่าวว่า เรื่องการประชุมวันนี้มีประเด็นหลักๆ ที่อยากชวนให้ผู้ประกันตนให้ความสนใจคือการปรับสูตรบำนาญมาตรา 33 และ 39 รวมถึงการขยายเพดานการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดจาก 10,000 ล้านเป็น 130,000 ล้าน โดยอยากให้บอร์ดคณะกรรมการทุกฝ่ายพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะตนไม่ได้กังวลว่าจะใช้เงินเท่าไหร่แต่สิ่งสำคัญคือใช้อย่างโปร่งใสหรือไม่ เพราะไม่อยากให้เกิดอย่างกรณีซื้อตึกย่านพระราม 9

นางสาวรักชนก กล่าวเสริมว่า ประเด็นหลักวันนี้คือการติดตามเรื่องบำนาญเพราะเป็นเรื่องที่มีผู้ได้รับผลกระทบมากเพราะในวันนี้ก็มีกลุ่ม We Fair และประชาสังคมก้าวหน้า มารวมยื่นหนังสือแสดงความเดือดร้อนเพราะที่ผ่านมาไม่มีพื้นที่ให้พูดถึงประเด็นนี้โดยคิดว่าวันนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะทำให้ประชาสังคมก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ตนคิดว่าวันนี้หากที่ประชุมยังไม่ผ่านมติ คิดว่าเป็นเรื่องแปลกเพราะสำนักงานประกันสังคมได้ประกาศผ่านทางหน้าเพจว่าจะใช้รูปแบบ “บำนาญสูตร CARE” ซึ่งหากไม่ผ่านต้องยอมรับกระแสสังคม

แฉอีก กองทุนประกันสังคม ซื้อตึกพระราม 9 พร้อมหนี้สินเฉียด 3 พันล้าน

ต่อมานางสาวรักชนก และนายสหัสวัต แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง ชี้แจงกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่กล่าวถึงราคาประเมินตึกสำนักงานย่านพระราม 9 ที่กองทุนประกันสังคมทุ่มงบซื้อกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งที่ราคาประเมินอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งนายสุชาติ ชี้แจงว่าเป็นราคาประเมินตั้งแต่ช่วงสมัยต้มยำกุ้ง

นางสาวรักชนก กล่าวว่าการแถลงเรื่องตึกย่านพระราม 9 เมื่อวานนี้ เราไม่ได้มีเจตนาขัดขวางเรื่องการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุ้มค่าอย่างแท้จริง เงิน กำไร เข้ากองทุนแน่นอน ไม่ใครขวาง แต่เมื่อเรามีบทเรียนแล้วว่าการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดสามารถถูกแทรกแซงได้โดยฝ่ายการเมืองเพื่อซื้อของแพงเกินราคา ดังนั้นการพิจารณาร่างประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด จากเดิมที่ลงได้ 10,000 ล้านบาท จะปรับเพิ่มเป็น 137,000 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย มีมูลค่ามากกว่า 10 เท่าของก้อนเดิมที่จะขยายขึ้นมา

นายสหัสวัต กล่าวว่าตัวเลข 3,000 ล้านบาทมาจากการประเมินมูลค่าบริษัท ประกันสังคมไม่ได้ซื้อตึกแต่ซื้อบริษัทที่ถือครองตึกนี้ซึ่งมีการประเมินราคาสินทรัพย์ก่อนจะเข้าซื้อในราคา 3,000 กว่าล้านบาท ทั้งนี้การซื้อบริษัทนี้ไม่ได้ซื้อแต่อสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทมีหนี้สินอยู่ 2,080 ล้านบาท ซึ่งกองทุนประกันสังคม ซื้อบริษัทและตึกพร้อมหนี้สินทั้งหมด

ถาม “สุชาติ” ถ้ามีสติ คงไม่มีใครควักเงินซื้อของแพงเกินจริง

ส่วนที่นายสุชาติออกมาพูดทำนองว่า คนที่ออกมาพูดไม่มีความรู้นั้น นางสาวรักชนก กล่าวว่าตนเองอาจไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนก็จริง เพราะตนเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ตนเองขอให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วประเทศ ออกมาพูดว่าในกรณีนี้ อย่าเชื่อเพียงเพราะตนเองออกมาพูดสามารถไปตรวจสอบได้เลย

“ถ้าท่านมีสติ คงไม่มีใครที่จะยอมควักเงิน ในราคา 7 พันล้าน เพื่อซื้อของในราคา 3 พันล้านบาท แถมยังมีหนี้มาอีก คงไม่มีคนสติดีที่ไหนอยากจะซื้อของที่แพงกว่ามูลค่าของมัน หากเห็นว่ามันคุ้มค่าขนาดนั้นท่านเอาเงินของท่านควักซื้อตึกวันนี้เลยไหม”

ทั้งนี้ประเด็นที่นายสุชาติบอกว่า รัฐมนตรีมีอำนาจในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการลงทุน เพียงแต่มีสิทธิลงนามแต่งตั้งเท่านั้น นางสาวรักชนก กล่าวว่าคนเป็นรัฐมนตรีจะไม่มีปัญญาในการออกนโยบาย หรือแต่งตั้งโยกย้ายในสัดส่วนของราชการเลยหรือ ส่วนตัวเชื่อว่านายสุชาติ สามารถคุมเสียงในบอร์ดได้เป็นอย่างดีในก่อนหน้านี้

นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า บอร์ดในยุคนายสุชาติมาจากการแต่งตั้ง และหลายคนอยู่ในบอร์ดเป็นที่ปรึกษาของท่านเอง จะบอกว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้จริงหรือ การบอกว่าไม่รู้ ท่านจำคนของตนเองไม่ได้หรือ ในยุคของนายสุชาติไม่รู้เอาความมั่นใจการลงทุนมาจากไหนว่าจะบริหารได้ แต่สุดท้ายก็ขาดทุน ท่านบอกว่าไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ในบทความที่ท่านออกมาตอบโต้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับกองทรัสต์ สรุปรู้หรือไม่รู้เรื่องกันแน่

“จัดรายการสักรายการให้ผมกับท่านสุชาติคุยกันเจอกันต่อหน้า ถ้าท่านมั่นใจว่าไม่เกี่ยวจริง ผมคิดว่าคนชลบุรีรู้ดีว่า ท่านสุชาติเป็นคนอย่างไร ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปแข่งขันกับท่านในชลบุรีเพราะธุรกิจที่ท่านทำผมคงไม่มีศักยภาพไปทำด้วยอยู่แล้ว”

จ่อยื่น “พิพัฒน์” สอบข้อเท็จจริง 4 โมงเย็นนี้

นางสาวรักชนก ระบุอีกว่าอย่าคิดว่าประชาชนโง่ อย่าคิดว่าผู้ประกันตนจะเป็นแค่แรงงาน เป็นแค่พนักงานออฟฟิศแล้วจะตามไม่ทัน หรือจะรู้ไม่ทัน แน่นอนว่าหากเขามีเสียงเดียว เขาอาจจะสู้แรงชูกำลังของฝ่ายการเมือง ฝ่ายราชการผนึกกำลังกันไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้เวลา 16.00 น. นางสาวรักชนก และนายสหัสวัต จะไปยื่นเอกสารถึงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ตรวจสอบเรื่องตึกย่านพระราม 9 ชี้ว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่นายพิพัฒน์จะแสดงความจริงใจ ไม่ใช่แค่พูดแต่ปากอย่างเดียว หากมีการตรวจสอบทั้งตนเอง นายสหัสวัต และผู้ประกันตนทุกคนสรรเสริญ แต่หากท่านไม่ทำตามที่พูด คงอาจจะโชคร้ายที่เป็นรัฐมนตรีอีกท่านที่ถูกก่นด่า “ท่านเลือกได้ว่า รัฐมนตรี เป็นฮีโร่หรือเป็นแบบคนเก่า”