“บิ๊กเต่า” นำทีมลงลพบุรี สอบพยานคดีทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก
“บิ๊กเต่า” นำทีมลงลพบุรี เร่งสอบพยานที่เกี่ยวข้อง คดีทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ย้ำทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ด้านพยาน อดีตแม่ทีม ร่วมให้ข้อมูลขบวนการทุจริต
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 มี.ค. 2568 ที่สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตลพบุรี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามล้ำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี ตรวจสอบกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยจะดำเนินการทั้งหมดทุกคนที่ร่วมในขบวนการ โดยพื้นที่จังหวัดลพบุรีมีผู้ป่วยจริง ป่วยเท็จ จำนวน 100 ราย โดยวันนี้ได้เข้ามาให้การกับเจ้าหน้าที่จำนวน 50 ราย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อที่จะสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องคดีทุจริตยา กับผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้กระทำการความผิด จะมีการสอบเป็นพยานทั้งหมด มองว่าบุคคลที่มาในวันนี้ ดูจากแต่ละคนจะมองเห็นว่าเป็นทหารผ่านศึก และผู้ป่วย หรืออาจจะมองได้อีกแบบว่า พวกเขาเหล่านี้ถูกหลอกมาให้กระทำความผิดหรือไม่ เป็นเหยื่อของกระบวนการหรือเปล่า จะต้องสอบปากคำ และจะเอาข้อมูลไปวิเคราะห์ เพราะการกระทำความผิดฐานทุจริต จะทำให้เหยื่อเสียชีวิตด้วยหรือเปล่า
จากข้อมูลที่ได้รับมา จะมีการตรวจสอบด้วยว่าจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องขอรวบรวมพยานหลักฐาน คณะกรรมการตรวจสอบทั้งหมด เช่น ป.ป.ช., ป.ป.ท., ป.ป.ป. รวมถึงแพทย์ ได้ทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่าคนที่กระทำความผิดเป็นคนไทยหรือไม่ เพราะว่าถ้าเป็นคนไทยจะต้องรู้ข้อกฎหมายตรงนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คนที่กระทำความผิดส่วนมากจะเป็นทหารผ่านศึก ที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ก็จะคิดว่าการกระทำดังกล่าวถูกต้องสำหรับเขา หรือเขาอาจจะโดนคนอื่นชักจูงให้กระทำความผิด แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และอีกอย่างคือประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ขอยืนยันในตรงนี้ว่า ถ้าตรวจสอบและพบว่ากระทำความผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และไม่ต้องกลัวว่าทางตำรวจจะช่วยเหลือ สัญญาว่าจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา เพราะมูลค่าความเสียหายค่อนข้างที่จะมหาศาล จึงจำเป็นต้องนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยจะเร่งรัดคดีให้เร็วที่สุด
ด้าน น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 46 ปี อดีตแม่ทีมที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ เผยว่า ตนเห็นความไม่ชอบมาพากล พบว่าสิ่งนี้อาจเป็นการทุจริตต่อประเทศชาติ ตนจึงสืบหาข้อมูลด้วยตนเองนานกว่า 6 เดือนก่อนประสานกรรมาธิการตรวจสอบ พบมีพิรุธ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ พบเป็นการทุจริตจริง ทำกันเป็นขบวนการ มีแม่ทีม ลูกทีมจำนวนมากที่หลงผิด ซึ่งในวันนี้เป็นโอกาสดีที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ อผศ.ลพบุรี เพื่อสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ป่วยจริง ผู้ป่วยเท็จ เพื่อกันไว้เป็นพยาน ซึ่งในวันนี้ตนจะชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จึงอยากให้ผู้ที่หลงผิดได้กลับตัวกลับใจออกมาเปิดเผยความจริง เพื่อประโยชน์ของตัวเองและประเทศชาติ