ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 โดน 4 เพื่อนชายรุมขืนใจ คดีไม่คืบ
ใจสลาย แม่ร้องความเป็นธรรม ลูกสาววัย 14 ปี โดน 4 เพื่อนชายขืนใจ อ้างเข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่คดีไม่คืบหน้า ขณะที่พนักงานสอบสวนยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอเวลาสอบสวนหาข้อเท็จจริง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มี.ค. 68 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน พาผู้เสียหายเป็นเยาวชนหญิง อายุ 14 ปี และแม่เด็ก เข้าพบ พ.ต.ท.ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ รอง ผกก.สืบสวน รักษาการฯ ผกก.สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ถูกเยาวชนชาย 4 คนที่เป็นเพื่อนกัน ใช้กำลังรุมข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดที่หมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ ถ.ปานวิถี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา หลังแม่เหยื่อทราบเรื่องประมาณกลางเดือนธันวาคม 2567 จึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบ่อ แต่คดีไม่คืบหน้า
จากข้อมูลของแม่ฝ่ายเด็กหญิง ผู้เสียหาย อ้างว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ลูกสาวอายุ 14 ปี พาเพื่อนสาวไปหาแฟนที่ห้องพักแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีเพื่อนชายอีก 4 คน หนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน มานั่งเล่นที่บันไดทางหนีไฟบนตึกชั้น 3 ด้วยความไว้ใจ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันมานานและยังมีเพื่อนสาวไปด้วย ลูกสาวจึงขึ้นไป
แต่ผ่านไปสักพัก เพื่อนสาวกับแฟนพากันลงมา อ้างว่าแม่ตาม ทิ้งให้ลูกสาวอยู่กับชาย 4 คน ก่อนที่ทั้ง 4 จะเข้ามาจับแขนขา ทำอนาจารและขืนใจกระทั่งสำเร็จความใคร่ทั้ง 4 คน หลังเวลาผ่านไปเกือบครึ่งเดือน แม่เด็กหญิงรู้ ได้ติดต่อไปถามเพื่อนสาวคนเดิม ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนจะตามไปที่บ้านพักของ 4 เยาวชนชาย ให้นิติพาผู้ปกครองและเด็กออกมาพูดคุย
โดยทั้ง 4 คนยอมรับสารภาพว่าเป็นเรื่องจริงและผู้ปกครองยื่นข้อเสนอชดเชยเยียวยา พร้อมขอให้จบเรื่องไม่ต้องไปแจ้งความ แต่แม่เด็กหญิงไม่อยากได้เงินเยียวยา อยากแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยในวันถัดไปแม่เด็กหญิงผู้เสียหาย พยายามติดต่อผู้ปกครองของเยาวชนชายที่เหลืออีก 3 คน แต่ถูกถามกลับว่าที่กล่าวหาลูกชายของเขามีหลักฐานไหม มีคลิปวิดีโอไหม พยายามเบี่ยงเบนว่า ที่ลูกชายสารภาพเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับให้พูด
หลังจากเจรจากันไม่เป็นผล แม่ของเด็กหญิงจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบ่อ ในวันที่ 23 ธ.ค. 67 แต่จนถึงตอนนี้คดีไม่คืบหน้า มีการพูดคุยเพียงวันเดียว ทางร้อยเวรแจ้งว่า ไม่มีผลตรวจร่างกาย ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าคดีต่อได้ และมีเยาวชนชายผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวที่แจ้งความประสงค์ต้องการเยียวยา ส่วนคนอื่น ๆ อีก 3 คนยังนิ่งเฉย อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังไปโรงเรียนกันตามปกติ โดยที่โรงเรียนทราบเรื่องแต่ก็นิ่งเฉย ส่วนเด็กหญิงผู้ถูกกระทำกลับต้องจมอยู่กับความทุกข์ไม่กล้าไปโรงเรียน ไม่ได้เรียน ไม่ได้เข้าสอบ เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อเป็นหนึ่ง กล่าวว่า แม่ของน้องทักมาขอความช่วยเหลือกรณีลูกสาวถูกเยาวชนชาย 4 คนรุมโทรม โดยก่อนหน้านี้ แม่น้องได้ไปติดตามตัวผู้ปกครองและ 4 เยาวชน ที่ทางหมู่บ้านเอื้ออาทรบางบ่อ หลังจากที่ได้พูดคุยกับเด็กทั้ง 4 คนรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง และบอกว่าจะรับผิดชอบเยียวยาให้ ขอไม่ให้แจ้งตำรวจ แต่แม่ของน้องไม่อยากรับการเยียวยา อยากให้เป็นคดีความ อยากให้ทั้ง 4 เยาวชนได้ชดใช้ความผิด แต่หลังจากแจ้งความแล้ว คดียังไม่คืบหน้า ตนกับทีมงานจึงพาแม่กับน้องเดินทางมาขอพบ ผกก.สภ.บางบ่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี
ด้าน พ.ต.ท.ประเมศฐ์ มหาศิรธนโรจน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางบ่อ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางบ่อ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจและหลังจากที่ได้รับแจ้งก็มีการส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายตามขั้นตอน ซึ่งในตอนแรกยังไม่ทราบชื่อจริงและห้องพักของผู้ก่อเหตุ กระทั่งติดตามออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวน อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะผลตรวจร่างกายของผู้เสียหาย ขณะนี้ได้มาแล้ว และได้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะต้องดำเนินการต่อหน้าสหวิชาชีพทั้งสองฝ่าย
ส่วนการแจ้งข้อหาจะประกอบด้วย ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ร่วมกันพรากผู้เยาว์ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันโทรมหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี หลังจากนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนบูรณาการ เร่งทำคดีนี้แล้ว ส่วนประเด็นเพื่อนหญิงของผู้เสียหายที่พาไปนั้น จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำก่อน ส่วนผู้ปกครองของเยาวชนชาย 4 คนที่ก่อเหตุ หากพบว่าปล่อยปละละเลยหรือยุยงส่งเสริมให้บุตรหลานกระทำความผิด ก็อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.เด็กและเยาวชนด้วยเช่นกัน
ากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมให้เด็กหญิงผู้เสียหายชี้จุดที่ถูกกระทำ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ จะเรียกตัวผู้ปกครองและเยาวชนชายทั้ง 4 คน เข้ามาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาล พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.