“ภูมิธรรม” สั่งเร่งสอบไฟไหม้ศาลาตรีมุข ยังไม่ฟันธงฝีมือทหารกัมพูชาเผา
สั่งเร่งสอบไฟไหม้ศาลาตรีมุข ยังไม่ฟันธงฝีมือทหารกัมพูชาเผา
“รองนายกฯ ภูมิธรรม” ชี้เหตุไฟไหม้ศาลาตรีมุขลามฝั่งไทยทุกฝ่ายกำลังแก้ปัญหา ขออย่าทำให้เป็นประเด็นขัดแย้ง รอทุกอย่างคลี่คลายก่อน เผยเตรียมคุยในเวที GBC ศุกร์นี้ สั่งกองทัพบกเร่งสอบหาสาเหตุแล้ว ฝีมือมนุษย์หรือภัยธรรมชาติ ยังไม่สรุปทหารกัมพูชาเผา
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 5 มี.ค. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุไฟไหม้บ้านประชาชนกัมพูชาและลุกลามถึงศาลาตรีมุข ที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ใกล้ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำประชาชนแตกตื่นว่า ไม่มีแตกตื่น ทุกฝ่ายรับรู้แล้วก็ค่อยๆ แก้ปัญหากัน อย่าทำให้กลายเป็นประเด็นที่จะขัดแย้งกันไป ขอรอให้เรื่องคลี่คลายก่อน
เมื่อถามว่า มีคลิปทหารกัมพูชาตัดลวดหนามที่ทหารไทยล้อมไว้ นายภูมิธรรม กล่าวว่าเดี๋ยวจะมีการพูดคุยกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 7 มี.ค.
สั่งเร่งสอบเหตุเพลิงไหม้ศาลาตรีมุข ยังไม่สรุปทหารกัมพูชาเผา
ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงเหตุเพลิงไหม้ศาลาตรีมุข หรือศาลารวมใจ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีว่า ต้องไปตรวจสอบสาเหตุอีกรอบว่าเกิดจากภัยธรรมชาติหรือคน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบ โดยตอนนี้ทั้ง 2 ประเทศ ทหารไทยและกัมพูชาได้ขึ้นไปตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญ เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2534 โดย พล.ท.อิสระพงศ์ หนุนภักดี แม่ทัพภาคที่ 2 ยศในสมัยนั้น เพื่อเป็นจุดประสานงานร่วมกันระหว่างไทย ลาว และกัมพูชา
สำหรับเรื่องนี้นายภูมิธรรม ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการให้กองทัพบกช่วยตรวจสอบรายละเอียด และเน้นย้ำเรื่องการระมัดระวังกับประเทศเพื่อนบ้านที่พรมแดนติดกัน หากมีการพูดคุยกับก็น่าจะจบ
พล.ต.ธนาธิป กล่าวว่า ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ไทยและกัมพูชา ได้หารือถึงเรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างชายแดน ซึ่งได้ทำทวิภาคี ทั้ง 2 ประเทศยืนยันชัดเจนว่าหากมีอะไรจะต้องหาเจรจาร่วมกัน สร้างความเป็นปึกแผ่น ใช้กำลังฝ่ายทหารแสวงประโยชน์ร่วมกันในการให้ข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการพนัน
ส่วนข้อสงสัยว่าถูกทหารกัมพูชาเผาเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น พล.ต.ธนาธิป ยืนยันว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบร่วมกันแล้ว ต้องไปดูรายละเอียดว่าจริงเท็จอย่างไร คงจะไปชี้ชัดไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องจบด้วยการเจรจาทั้งหมด หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด ก็ต้องมีการขอร้องกันว่าอย่าทำอะไรที่เกินกว่านี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรายังมีเรื่องใหญ่คือการนำเรื่องที่ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากปอยเปต กลับมาฝั่งไทย นี่คือเรื่องใหญ่