“หนุ่มใหญ่” ฟันแก้มสาววัย 35 อ้างถูกทำร้ายก่อนปมหึงหวง ยายคนเจ็บโต้อีกมุม
“หนุ่มใหญ่” ฟันแก้มสาววัย 35 ปี
อ้างถูกทำร้ายก่อนเพราะหึงหวง ด้านญาติคนเจ็บโต้อีกมุม ตร. เผยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา จ่อเรียกสอบปากคำทั้ง 2
จากกรณีเวลาประมาณ 16.30 น. วันที่ 11 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ (ปู่อินทร์) เชียงราย สำนักงานใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีด ที่บริเวณพื้นที่ชุมชนราชเดชดำรงค์ ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย
เมื่อไปถึงภายในชุมชน พบผู้บาดเจ็บเพศหญิง มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมบริเวณแก้มซ้าย เลือดไหลอาบบริเวณเนื้อตัว กำลังยืนรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ จากการสอบถามทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ น.ส.วนิตา เครือใจ อายุ 35 ปี ชาว ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ทีมกู้ภัยจึงช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายสาคร ชัยชนะมงคล อายุ 63 ปี ได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปดูที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ภายในชุมชนเดียวกัน โดยในเบื้องต้นทางนายสาครรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง ส่วนผู้บาดเจ็บคบหากันมานาน ที่ผ่านมาฝ่ายหญิงมีอาการหึงหวง ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และวันเกิดเหตุผู้บาดเจ็บ ซึ่งไปเจอกันที่บริเวณกลางซอย ได้ใช้ขวดตีเข้าที่บริเวณศีรษะและแขนของตน จนทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ แถมยังจะเอามีดเข้ามาทำร้าย
ตนจึงเข้าไปยื้อแย่งมีดกับคนเจ็บ และไม่รู้ว่าพลาดอย่างไร จึงทำให้คนเจ็บถูกมีดบาดเข้าที่บริเวณแก้มซ้าย เป็นแผลยาวเกือบถึงใบหู หลังเกิดเหตุด้วยความตกใจ จึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากที่เกิดเหตุ แต่มีคนในชุมชนที่ทราบเรื่อง และพบเห็นตนขี่มอเตอร์ไซค์ภายในชุมชน ได้บอกว่ามีตำรวจมาตามหาตัวที่บ้าน ตนจึงขี่มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมอบตัว ยืนยันว่าไม่ได้คิดที่จะหลบหนีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเชียงราย และจะไปสอบถามผู้บาดเจ็บถึงสาเหตุของการทะเลาะวิวาท เพื่อหาสาเหตุของการทำร้ายร่างกายครั้งนี้ ว่าตรงกับคำให้การที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างหรือไม่ และจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านแห่งหนึ่งใน ถ.ราชเดชดำรงค์ ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นบ้านที่ น.ส.มานิตา เครื่องใจ หรือ บุ๋ม อายุ 35 ปี ผู้บาดเจ็บ โดยทางญาติแจ้งว่าผู้บาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.
โดยนางทองใบ เครื่องใจ อายุ 74 ปี ยายของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกสาวคนเล็กที่ป่วยติดเตียง และหลานชายวัย 12-13 และหลานสาวอายุ 7-8 ขวบ ตนทำงานรับจ้างนวดแผนโบราณหาเงินดูแลคนในบ้าน ส่วนหลานสาว ซึ่งเป็นแม่ของหลานๆ ทั้ง 2 คน ไปมีสามีอยู่แถวบ้านดู่นางแล นานๆ ทีจะกลับมานอนที่บ้าน ซึ่งวันก่อนเกิดเหตุ นายสาครก็มาทำร้ายหลานสาวตนครั้งหนึ่ง แต่ไม่ค่อยรุนแรงเลยบอกให้แยกย้าย ไม่เอาความอะไร
แต่เมื่อวานตอนเช้า เขาไปทำร้ายผู้ชายในหมู่บ้านคนหนึ่ง ที่เข้ามาพูดคุยกับหลานสาว แถมยังไปทุบทำลายรถมอเตอร์ไซค์อีก และยังเข้ามาในบ้านเพื่อตามหาหลานสาว เข้าไปหาถึงห้องน้ำในบ้าน แต่ไม่เจอ บอกว่าหลานสาวของตนหลายใจ จะฆ่าให้ตาย ไม่กลัวใคร ตำรวจก็เคยฆ่ามาแล้ว เพิ่งออกคุกมา และกลับออกไป โดยในช่วงกลางวันมีคนเห็นเขาเหน็บมีดไว้ข้างเอว 1 เล่ม ขี่รถไปๆ มาๆ แถวในหมู่บ้าน
จนกระทั่งช่วงเย็นเขากลับมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นตนออกไปรับจ้างนวด ไม่อยู่บ้าน แต่หลานชายคนโตเล่าให้ฟังว่าชายคนดังกล่าวเข้ามาทำร้ายแม่ ซึ่งก็คือหลานสาวของตน ส่วนอาวุธมีดที่ก่อเหตุ ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเล่มที่เขาพกมา หรือเป็นมีดของตนที่หายไปจากบ้าน
ยายคนเจ็บ บอกอีกว่า ตนยืนยันว่าฝ่ายชายเป็นคนมาเกาะแกะหลานสาวฝ่ายเดียว ส่วนหลานสาวไม่สนใจ เพราะมีสามีอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็อยู่กับสามี นานๆ ทีจะกลับมาบ้าน เมื่อวานก็ไปเจอกันพอดี จึงเกิดเหตุขึ้น แถมวันนี้ตอนเช้า ชายคนก่อเหตุยังไปที่ รพ. และไปอ้างกับพยาบาลว่า เป็นพ่อของหลานสาว จะขอไปเยี่ยม ทาง รพ.จึงติดต่อมาหาตน ตนกลัวหลานจะไม่ปลอดภัย จึงให้ รพ.ย้ายหลานไปนอนที่อื่น เกรงเขาจะไปตามหาอีก และตนก็ไปแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว
ด้าน นายณรงค์ สายสุด อายุ 68 ปี อดีตตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนนั่งอยู่ข้างถนนฝั่งตรงข้ามซอยที่เกิดเหตุ เมื่อได้ยินเสียงก็เลยเข้าไปดู เห็นทั้งคู่กำลังยื้อแย่งมีดกัน ก็เลยเข้าไปห้ามปราม แยกทั้ง 2 ออกจากกัน โดยเห็นอาวุธเป็นมีดอีโต้ ยาวประมาณ 1 ศอก เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไปตรวจสอบแล้ว เท่าที่ตนได้คลุกคลีกับคนในชุมชน ทราบว่าทั้งคู่เป็นคนส่งยาเสพติดในชุมชน น่าจะทะเลาะกันเรื่องจ่ายเงินค่ายาไม่ครบมากกว่า ส่วนที่คนก่อเหตุอ้างว่าเป็นผัวเมีย ไม่น่าจะใช่ เป็นแค่ข้ออ้าง อยากให้เจ้าหน้าที่กำจัดคนพวกนี้ไปให้หมดไปจากสังคม
อย่างไรก็ตาม ทาง ร.ต.อ.อธิคม คำปันแปง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย ได้บันทึกปากคำเบื้องต้นของผู้ก่อเหตุไว้แล้ว แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงปล่อยตัวไปก่อนและจะเรียกสอบในภายหลัง เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ส่วนผู้บาดเจ็บกำลังอยู่ระหว่างการรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเรียกมาสอบสวนภายหลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้น.