“เท้ง ณัฐพงษ์” มอง อาจมีแผนตัดขาเก้าอี้ประธานสภาฯ

หลังคลิปเสียงฉาว “วันนอร์” คุยแต่งตั้ง “สุชาติ” โยน เจ้าตัวชี้แจงดีที่สุด ชี้กระแสปรับ ครม. คืนเก้าอี้ให้ “ธรรมนัส” มีโอกาสติดเงื่อนไขจริยธรรม ระบุแม้ชิงปรับก่อน ก็หนีอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่พ้น วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 จังหวัดปัตตานี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปล่อยคลิปเสียงหลุด ที่อ้างว่าเป็นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กับนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้ได้รับเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยกล่าวว่า ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ผู้ที่จะชี้แจงได้ดีที่สุดคือ นายวันนอร์

ซึ่งจะมีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะประเด็นนี้มีผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการแต่งตั้งประธาน ป.ป.ช. ระบุว่า คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ก็จะดำเนินการตรงไปตรงมา แต่ตอนนี้ยังให้รายละเอียดอะไรมากไม่ได้ ซึ่งการพูดคุยก็ไม่ใช่การคุยหลังบ้านเพื่อจะตกลงอะไรที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ แต่จะเป็นการคุยในเวทีของคณะกรรมการสรรหา ที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีเจตนาในการเขย่าเก้าอี้ประธานรัฐสภา นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการต่อรองทางการเมือง ซึ่งตนก็ไม่สามารถตอบแทนประธานรัฐสภาได้ พร้อมย้ำว่าการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจะตอบโจทย์ประชาชนได้มากที่สุด ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านก็จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องที่สุด

มองกระแสปรับ ครม. คืนเก้าอี้ให้ “ธรรมนัส” มีโอกาสติดเงื่อนไขจริยธรรม

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี หลังมีกระแสว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม จะกลับมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า การปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยตรง นายกรัฐมนตรีจะปรับหรือแต่งตั้งใครขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลหรือ นายกรัฐมนตรี จะต้องตัดสินใจ

หาก ร.อ.ธรรมนัส กลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี จะติดเงื่อนไขเรื่องจริยธรรมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า มีโอกาสเป็นไปได้ แต่เรื่องกรอบจริยธรรม ก็เคยวางเงื่อนไขเอาไว้เช่นกัน ว่ากลไกในการตรวจสอบจริยธรรมนั้นควรจะเป็นหน้าที่ขององค์กรนั้นๆ ที่จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ

ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลจะสั่นคลอนหรือไม่ หากมีการปรับ ร.อ.ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องตัดสินใจ ส่วนจะส่งผลถึงเสถียรภาพหรือไม่ ก็อยู่ที่ความชอบธรรมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วค้านสายตาประชาชน ตอนนั้นเสถียรภาพของรัฐบาลก็คงจะไม่มั่นคง

เมื่อถามว่า กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนการแบ่งผลประโยชน์ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่อยากให้การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นไปตามโควตาหรือระบบแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์กันระหว่างพรรคการเมือง อยากเห็นการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่เป็นไปตามความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคล

ทั้งนี้หากมีการชิงปรับคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังคงเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีก่อน สุดท้ายอำนาจการปรับก็เป็นของนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นหากจะปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว