ข่าวการเมือง

ฝ่ายค้านถล่มงบ-ไร้ทิศทาง “นายกฯ ยันคุ้มค่า” ถูกรุมยําดันทุรังดิจิทัลวอลเล็ต

ฝ่ายค้านถล่มงบไร้ทิศทาง นายกฯ ยันคุ้มค่า ถูกรุมยําดันทุรังดิจิทัลวอลเล็ต

โอ่ปลายปีเงินหมื่นถึงมือ 50 ล.คน
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กล่าวชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2568 มีจุดมุ่งหมายให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.5-3.5 โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออก ตามแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก การขยายตัวการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 0.7-1.7 ช่วงปลายปี 2567 นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จะถึงมือคนไทย 50 ล้านคน ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วถึง เกิดการจับจ่ายใช้สอย การผลิตสินค้า การจ้างงาน หมุนกลับมาเป็นเงินภาษีให้ภาครัฐ ใช้ลงทุนสร้างขีดความสามารถประเทศต่อไป

ฝ่ายค้านถล่มงบ-ไร้ทิศทาง "นายกฯ ยันคุ้มค่า" ถูกรุมยําดันทุรังดิจิทัลวอลเล็ต ฝันสูงจัดเก็บรายได้พุ่ง 2.88 ลล.
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ปี 2567 รัฐบาลมีเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากกว่า 36.7 ล้านคน และวางแผนให้ปี 2568 เป็นปีท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ จัดเทศกาล กิจกรรม คอนเสิร์ต การแสดงต่างๆ เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2566 รวมกว่า 8.5 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 9 ปี หลายบริษัทในอุตสาหกรรมชั้นสูงแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนเข้ามาลงทุนในไทย เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง อุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุล เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ประมาณการจัดเก็บรายได้ในปี 2568 จะมีรายได้สุทธิ 2.88 ล้านล้านบาท บวกเงินกู้ชดเชยเพื่อการขาดดุลอีก 865,700 ล้านบาท รวมเป็นรายรับ 3,752,700 ล้านบาท เท่ากับวงเงินงบฯของปี 68

โวฐานะการเงินประเทศแข็งแกร่ง
นายเศรษฐากล่าวว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มี.ค.2567 อยู่ที่ 11.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.37 ของจีดีพี ยังอยู่ภายใต้กรอบบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐที่ไม่เกินร้อยละ 70 ขณะที่ฐานะเงินคงคลัง วันที่ 30 เม.ย.2567 มี 430,076 ล้านบาท แต่ยังต้องติดตามความท้าทายการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก ภาคการผลิต ที่เผชิญความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 อยู่ที่ 224,483.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 2.5 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก

อัดฉีดงบลงทุนสูงสุดในรอบ 17 ปี
นายกฯกล่าวอีกว่า งบฯปี 68 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.7 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 72.1 เป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน 908,224 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.2 เป็นสัดส่วนการลงทุนสูงสุดรอบ 17 ปี รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 150,100 ล้านบาท จำแนกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ความมั่นคง 405,412 ล้านบาท 2.ยุทธศาสตร์สร้างความสามารถในการแข่งขัน 398,185 ล้านบาท อาทิ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน การสร้างรายได้การท่องเที่ยว ส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 3.ยุทธศาสตร์พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 583,023 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ปฏิรูประบบการศึกษาและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต อาทิ การเสริมสร้างศักยภาพการกีฬา การพัฒนาคุณภาพการศึกษาการเรียนรู้

ชูลดทุจริต-ใช้เงินมีประสิทธิภาพ
นายเศรษฐากล่าวว่า 4.ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 923,851 ล้านบาท ให้คนไทยได้รับสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ 5.ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 137,291 ล้านบาท สร้างการเติบโตบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว และ 6.ยุทธศาสตร์การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 645,880 ล้านบาท ให้ระบบบริหารราชการมีประสิทธิภาพ อาทิ การต่อต้านทุจริต ตั้งเป้าหมายค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตไม่ต่ำกว่า 55 คะแนน การเป็นรัฐบาลดิจิทัล นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า พัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะบริหารงบประมาณตามนโยบายและกระตุ้นเศรษฐกิจ ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างการเจริญเติบโต และเป็นไปตามกฎหมาย

ก.ก.ตอกย้ำ “เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้
จากนั้นนายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านและ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 ฉบับนี้น่าผิดหวังกว่างบฯก่อนๆ กู้เกือบชนเพดาน ผิดหวังถึงขั้นหมดหวังมีปัญหาแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ตดูเหมือนมียุทธศาสตร์แต่ไม่มียุทธศาสตร์ รายจ่ายการลงทุนจำนวนมากไม่มีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ไปยึดโยงกับเครือข่ายการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ที่มีส่วนผลักดันให้รัฐบาลเข้าสู่อำนาจ แต่ละกระทรวงต่างคนต่างไร้ทิศทาง โครงการเดิมๆแปะป้ายใหม่ หากจะมีอะไรใหม่คงมีแค่เรื่องเดียว คือความพยายามผลักดันในระดับที่เรียกได้ว่าดันทุรัง เพื่อให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตทำให้ได้ แบบที่เรียกว่า “เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้”

เย้ยดันทุรังแจกเงินหวังกู้ศรัทธา
นายชัยธวัชกล่าวว่า รัฐบาลประสบปัญหาวิกฤติความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล ถึงวันนี้ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้อง พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียว คือ หากผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายเรือธงได้สำเร็จ ความชอบธรรมทางการเมืองก็จะฟื้นคืนมา ในสภาวะที่ข้าวยากหมากแพงประชาชนหวังได้รับเงินหมื่นมาประทังชีวิต แต่ตนคิดว่าเราไม่ต้องการรัฐบาลที่มุ่งแสวงหาความนิยมจากประชาชนแบบมักง่าย สายตาสั้น ไม่เอาโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เอาโจทย์พรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้ง รัฐบาลนี้กำลังมุ่งแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองของตนเอง เอาโอกาสและอนาคตของประเทศวางเป็นเดิมพัน ประเทศเจ๊งไม่ว่าแต่ต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลให้ได้

มักง่ายนำอนาคตคนไทยมาเดิมพัน
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า มีการโหมโฆษณานโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่แนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้อาจใช้ไม่ได้ใน พ.ศ.นี้อีกแล้ว รัฐบาลเองเพิ่งตระหนักปัญหานี้ไม่กี่วันก่อน นายกฯยังสั่งการให้ทบทวนเรื่องการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตกับโทรศัพท์มือถือ ถ้ารัฐบาลเอาโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้งจริงๆ ต้องมีการจัดจรรงบฯเพื่อเปลี่ยนผ่านอุสาหกรรมอย่างจริงจัง เช่น อุตสาห กรรมอีวี ยกตัวอย่างให้เห็นเพราะกำลังสงสัยว่าโจทย์ของรัฐบาลกับโจทย์ของประเทศ ไม่ใช่โจทย์เดียวกัน เป็นการจัดงบฯที่มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะรัฐบาลกำลังเอาทรัพยากรประเทศไปมุ่งแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองตัวเอง เอาโอกาสและอนาคตของคนไทยทุกคนและของประเทศมาวางเดิมพันอย่างไม่รับผิดชอบ วิสัยทัศน์อย่างอิกไนต์ไทยแลนด์ ก็เลยกลายเป็นแบบอิกนอร์ไทยแลนด์ งบประมาณเจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้

พท.ปรี๊ดพูดเจ๊ง 3 หนเสียดสีใส่ร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงไม่พอใจ ที่นายชัยธวัชตอกย้ำคำว่า “ประเทศเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” ขอให้ถอนเพราะไม่สุภาพ เสียดสี ใส่ร้าย นายวันมู หะมัดนอร์ มะทา วินิจฉัยว่าผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายต่อได้ แต่ควรสรุปเพราะใช้เวลาเกินกว่าที่ขอมามาก นายชัยธวัชจึงอภิปรายปิดท้ายว่า ด้วยเหตุผลที่อภิปรายมาทั้งหมด ไม่สามารถเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ได้

“จุรินทร์” ฉะ รบ.จัดงบฯ “ขี้หก ขี้เหร่”
ต่อมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตั้งฉายาร่างงบประมาณฉบับนี้ว่าเป็น “งบฯเป็ดง่อย” จัดงบฯลงทุนแค่ร้อยละ 51 ทำให้โตต่ำกว่าเป้ามาก รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีโตที่ร้อยละ 5.4 แต่สุดท้ายยอมรับว่าโตได้แค่ร้อยละ 2.5 รวมกับการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วโตแค่ร้อยละ 2.75 งบฯปี 68 ที่รัฐบาลทำเอง ภาพรวมเป็นงบฯขี้หกขี้เหร่ซุกซ่อนไว้มากมาย เหมือนเห็นสภาเป็นศาลาโกหก ขอยกมาแค่ 5 ข้อคือ ขี้เหร่แรก เรื่องรายได้ เมื่อรายได้น้อยรายจ่ายสูง ขาดดุลก็ต้องไปกู้มา ประเทศเป็นหนี้สินเพิ่ม การเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 3.9 หมื่นล้านบาท ขี้เหร่ที่ 2 คือ การขาดดุลงบประมาณ นายกฯให้สัญญาว่าจะจัดงบฯปี 68 ให้ขาดดุลลดลง แต่นอกจากไม่ลดลงแล้วยังกลับเพิ่มการขาดดุลมหาศาล 865,700 ล้านบาท หรือ 1 ใน 4 ของวงเงินงบประมาณ ที่ขี้เหร่ที่สุดคือเป็นงบฯขาดดุลมากที่สุดในประวัติ ศาสตร์ เกือบชนวินัยการเงินการคลัง ขาดอีกเพียง 40 ล้านบาทจะชนเพดานหัวแตก ที่ขี้เหร่ของความขี้เหร่ภายใต้รัฐบาลนี้ ดูจากแผนการคลังระยะปานกลางปี 2568-2571 ที่ ครม.เพิ่งอนุมัติไป ระบุชัดว่าหนี้สาธารณะจะวิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 66.93 ปี 2569 อยู่ที่ร้อยละ 67.53 และปี 2570 เพิ่มเป็นร้อยละ 67.57 นี่คือภาระที่จะเกิดกับประเทศ

แปลงงบฯฉุกเฉินเป็นดิจิทัลวอลเล็ต
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขี้เหร่ที่ 3 เงินกู้ รัฐบาลนี้กู้มาใช้ 2 ปี คืองบฯปี 67 และงบฯปี 68 กู้มาชดเชยการขาดดุล และกู้มาแจกดิจิทัลวอลเล็ตรวม 1.9 ล้านล้านบาท บริหารประเทศ 2 ปี รัฐบาลนี้กู้มาใช้เกือบ 2 ล้านล้านบาท ปีที่แล้วเป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” ปี 68 ให้เป็น “นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ” ยังกู้หนักเช่นเดิม แต่ตั้งงบฯใช้หนี้ปี 68 เพียง 151,000 ล้านบาท ไม่ถึง 10% ของหนี้ที่ก่อ ขี้เหร่ที่ 4 ตั้งตัวเลขจีดีพีสูงเกินจริง กลายเป็นจีดีพีฟองสบู่ และขี้เหร่ที่ 5 ดิจิทัลวอลเล็ต จากนโยบายเรือธงกลายเป็นนโยบายเรือเกลือ จนวันนี้รัฐบาลยังไม่มีงบฯในส่วนนี้สักบาท ต้องรองบฯปี 68 ผ่านสภา ขณะที่งบฯปี 67 ยังไม่ขอมา เพราะต้องออกเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม มีคนนินทาว่าสุดท้ายคงไปเอามาจากงบฯฉุกเฉินปี 67 ที่ตั้งไว้ 99,500 ล้านบาท พบพิรุธคือการเบิกจ่ายงบฯฉุกเฉินปี 67 ต่ำมาก เป็นความตั้งใจหรือไม่ว่ายอมไม่ใช้งบฯปี 67 ให้เหลือเงินฉุกเฉินเยอะๆ จะได้เอาไปแปลงเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อบรรลุเป้าหมายของพรรคการเมือง มองว่าดิจิทัลวอลเล็ตอนาคตยังเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย จัดทำงบฯมา 2 ปีรวมแล้ว 6-7 ล้านล้านบาท แต่ผลงานไม่น่าประทับใจ ผลสัมฤทธิ์ของงานสวนทางกับตัวเลขงบประมาณที่ขอไป

ขู่ถกวาระสามอาจถึงมือศาล รธน.
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องทางการเมืองเรื่องหุ้นตก ตลาดหลักทรัพย์ดิ่งเหว ร่วงไป 227 จุด ต่างชาติเทขาย 1.5 แสนล้านบาท ทำความมั่งคั่งตลาดหลักทรัพย์หายไป 2.6 ล้านล้านบาท นายกฯบอกว่าเป็นเพราะสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ขอถามว่าแล้วใครเป็นคนทำถ้าไม่ใช่รัฐบาลสร้างขึ้น คือปรับ ครม.แบบต่างตอบแทน นำไปสู่คดีขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เสถียรภาพ ครม.วันนี้เหมือนกับรัฐมนตรีอีก 30 กว่าคนถูกเอาผ้าขาวมาแขวนคอห้อยต่องแต่งบนเพดาน ไม่รู้ว่าจะรอดหรือจะร่วง เป็นการเมืองจากรัฐบาลกระทบไปถึงเศรษฐกิจ เรื่องนายกฯ 2 คนที่ยังตามหลอน รัฐนาวาไทยวันนี้ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ ก็เป็นแบบหนึ่งพวงมาลัยสองคนขับ น่าหวาดเสียวมาก และเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเป็นสารตั้งต้นสำคัญพาประเทศไปสู่ความปรองดอง หรือความแตกแยกครั้งใหญ่ เป็นห่วงว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะเปลี่ยนจากนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง ไปเป็นนิรโทษกรรมอำพรางหรือไม่ สุดท้ายเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 ผ่านสภาวาระแรก แต่วาระ 3 อาจต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ

“บรู๊ค” แซะ ก.ก.ยุบพรรคเจ๊งของจริง
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.งบปี 68 ไม่ใช่เป็ดง่อยเป็ดขี้เหร่ ตามที่นายจุรินทร์พูด แต่เป็นการปลดล็อกพันธนาการประเทศไทย แก้ไขปัญหา 6 ด้าน ได้แก่ 1.ตลาดโตช้ากว่าคู่แข่ง 2.สังคมไร้ทางถอย 3.การไม่พร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง 4.การติดกับดักความกลัว จากวิกฤติเศรษฐกิจ การเมืองในอดีต 5.มุมมองคับแคบ ไม่เห็นองค์รวม 6.ความมั่นคงในชีวิตประชาชนทรุดโทรม งบฯปี 68 มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ขอให้สบายใจการจัดสรรงบอยู่ในเกณฑ์รักษาระเบียบวินัยการเงินการคลัง ที่ฝ่ายค้านบอกว่าจัดงบแบบเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ไม่เป็นความจริง ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ รัฐบาลอาจยุบสภา นายกฯอาจลาออก แต่ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ แม้ยุบสภาประเทศก็ต้องเดินต่อ แต่ตามพจนานุกรมคำว่า เจ๊ง หมายถึงสิ้นสุด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคคือสิ้นสุดหรือเจ๊งของจริง

“ไหม” จวกกู้ปริ่มเพดานไปวัดดวง
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายชี้ให้เห็นว่า งบประมาณปี 68 ที่รัฐบาลจัดทำขึ้น ทำให้ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ทางการคลังหลายตัว รัฐบาลใช้เงินมือเติบกำลังพาประเทศไปเสี่ยงด้วย การกู้จนเต็มเพดานหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่คาดฝัน น้ำท่วมหนัก ภัยแล้งหนัก หรือมีโรคระบาดอีกครั้ง จะไม่เหลือพื้นที่ และงบประมาณรองรับสถานการณ์ รัฐบาลทำตัวแบบโนสนโนแคร์ว่าจะทำให้ประเทศต้องไปอยู่ในสภาวะเสี่ยงแบบนี้ เพียงเพื่อทำให้มีเงินไปทำโครงการเดียว นั่นคือดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้เราต้องกู้จนเต็มเพดาน 2 ปี ติดต่อกัน สถิติต่อมาหนี้สาธารณะต่อจีดีสูงที่สุดในรอบ 29 ปี ที่สำคัญปี 2570 รัฐบาลจะอยู่เป็นปีสุดท้าย แต่พยายามส่งมอบหนี้สาธารณะก้อนใหญ่ให้กับรัฐบาลต่อไป ถามว่ามีความรับผิดชอบทางการคลังหรือไม่ เราอาจต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะกันอีกรอบจากร้อยละ 70 เป็นเท่าไรไม่รู้ เพียงเพื่อโครงการเพียงโครงการเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต

เย้ยโดน ขรก.ย้อมแมวนโยบาย “ลุงตู่”
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า แม้ปีนี้เราจะเบ่งงบให้สูงมากถึง 3.752 ล้านล้านบาท แต่ใช้จริงๆได้นิดเดียว แค่ประมาณ 1 ใน 4 สุดท้ายงบพัฒนาประเทศเหลือไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท สำนักงบประมาณชี้แจงว่า งบฯ 68 สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 142 ประเด็น ถึง 2.5 ล้านล้านบาท ฟังเผินๆดูดีมาก แต่มาจากการแถลงนโยบายของนายกฯ เราอภิปรายไปแล้วว่าล่องลอยจับต้องไม่ได้ สุดท้ายน่าจะถูกข้าราชการย้อมแมวเอาโครงการเดิมๆ สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแปะป้ายใหม่ว่าเป็นนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ที่เลวร้ายสุดคือ 8 วิสัยทัศน์อิกไนต์ไทยแลนด์ ไม่ปรากฏรูปธรรมใดๆ ในงบ 68 แต่หนักไปทางพีอาร์ เรื่องงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นกล่องดวงใจ กลับถูกหั่นเหลือไม่ถึงครึ่ง ถ้าขับเคลื่อนนโยบายอื่นได้จริงจังสักครึ่งหนึ่งของที่ผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะดีมากๆ ท่านไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอย่างเดียว ยังเอาประเทศไปเดิมพัน ฝากถึงข้าราชการประจำทุกท่านหากพบข้อผิดพลาด ขอให้ส่งหนังสือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ปชป.ถามพายุหมุนเข้ากระเป๋าใคร
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลบอกว่าจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ถามว่าจะหมุนไปทางไหน ไปหาเจ้าสัว ไปต่างประเทศ หรือไปเข้ากระเป๋าใคร คงไม่ทำให้เกิดพายุหมุนหลายรอบ โครงการนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้โครงการดีๆอื่นๆถูกตัดลดงบลงไปยังไม่รวมถึงการที่รัฐบาลต้องตามมาใช้หนี้ในอนาคตอีก วันนี้รัฐบาลกู้มาเกือบเต็มเพดาน ทำให้ประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยง เพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะมีวิกฤติใดเกิดขึ้นอีก ถ้ามีวิกฤติเกิดขึ้นจะกู้เงินไม่ได้อีก นายกฯประกาศจะทำให้คนไทยเป็นเศรษฐี แต่สถานการณ์วันนี้ถามว่าจะพาคนไทยเป็นเศรษฐีได้กี่โมง โรงงานพากันปิดตัวต่อเนื่อง ขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เราไม่ได้พัฒนาประชาชนให้พร้อมรับการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลง และยังประสบปัญหาแรงงานลดลงในอนาคต งบรายจ่ายปี 2568 จึงไม่ตอบโจทย์การสร้างการแข่งขัน หรือแก้ปัญหาประเทศ แต่รัฐบาลแค่พยายามไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าไม่รักษาสัญญาเท่านั้น

“ฐากร” มอบให้ “ซิกแซ็กไต่เส้นลวด”
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า ขอตั้งฉายาการจัดงบประมาณครั้งนี้ว่า “ซิกแซ็ก ไต่เส้นลวด” มี 3 ความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นกับงบรายจ่ายปี 2568 คือ 1.แนวโน้มจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า 2.อาจส่อขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 3.เสี่ยงขัด พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ทั้งนี้ การตั้งงบประมาณปี 2568 มีการคาดการณ์จีดีพีจะดีขึ้น 4.9% จะเป็นไปได้หรือไม่ ปีนี้คือปีเผาจริง ปีหน้าเรียกว่าปีเก็บกระดูก เพราะปีนี้เป็นสัญญาณอันตรายที่รายได้ยังจัดเก็บไม่เป็นไปตามเป้า ส่วนที่บอกว่าซิกแซ็กคือทำอะไรไม่ตรงไปตรงมา ดูจากงบกลางตั้งไว้ 805,745 ล้านบาท เป็นงบกลางในส่วนค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งระบบเศรษฐกิจ 152,700 ล้านบาท ที่บอกว่าซิกแซ็กเงินกู้ เพราะหากดูจะพบว่าเป็นการกู้ผ่านงบกลางปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท กู้ผ่านการทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 112,000 ล้านบาท รวม 264,700 ล้านบาท ตั้งงบขาดดุลแต่ขอกู้เงิน เป็นการเลี่ยงวิธีการเหมือนเดินอ้อมไป อ้อมมา มีความเสี่ยงสูงทำให้ พ.ร.บ.งบฯถูกวิจารณ์ นำไปสู่การพิจารณาข้อกฎหมายในอนาคตได้

ขุนคลังยันวินัยการเงินการคลังแกร่ง
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ชี้แจงว่า แม้งบปี 2568 จัดแบบขาดดุล แต่ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่เข้มแข็ง ขณะนี้กำลังซื้อภาคครัวเรือนมีปัญหา โดยเฉพาะยอดซื้อรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ รถบรรทุกที่เป็นเครื่องมือทำมาหากิน มีกำลังซื้อลดลง เพราะภาคครัวเรือนไม่มีกำลังซื้อ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเกษตรก็หดตัวลง เป็นปัญหาที่สะสมยาวนาน หนี้ภาคครัวเรือนสูงกว่าร้อยละ 90 ส่วนใหญ่เป็นหนี้จากที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ ส่อแนวโน้มเป็นเอ็นพีแอล รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้ภาคการผลิตเริ่มมีสัญญาณทางบวกด้านส่งออก เป็น ผลจากการอัดฉีดงบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อบริโภค ถือเป็นการกระตุ้นในจังหวะที่เหมาะสม รัฐบาลวิเคราะห์เศรษฐกิจทุกมิติ พร้อมแก้ปัญหาระยะสั้นเรื่องปากท้อง และระยะยาวเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ จะใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายการเงินการคลัง พาประเทศไปสู่การเติบโตที่สูงขึ้นกว่าในอดีต และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ควบคู่ไปกับการรักษาความยั่งยืนทางการคลัง

อ้างรับมรดกบาปจากรัฐบาลก่อน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า เรื่องเสียหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีแน่นอน เพราะไม่ใช่โครงการพรรคใดแต่เป็นโครงการรัฐบาล ยืนยันทำได้และต้องทำก่อน รัฐบาลเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ อัดเม็ดเงินเข้าระบบ ให้ประชาชนมีเงินไปต่อยอดในอาชีพ เรารับมรดกมาจากรัฐบาลก่อนหน้าในหนี้ครัวเรือนระดับกว่าร้อยละ 90 แล้ว การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต่างๆ เป็นข้อเสนอจากหน่วยงานที่เราต้องรับฟัง บางอย่างต้องถอย เพื่อเดินหน้าโครงการไม่ใช่ การไม่รอบคอบ แต่เป็นการคิดนอกกรอบ ส่วนการกู้ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นแค่การกู้ชั่วคราว เพื่อมาดำเนินโครงการ สิ่งที่กลัวว่าหากเกิดวิกฤติอีกจะกู้ไม่ได้แล้วนั้น เข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะยังมีกฎหมายรองรับไม่ว่าจะเกิดวิกฤติใดขึ้น วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีนัก ต้องใช้พื้นที่ทางการคลังนี้ลงไป จะไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจไปถึงจุดตกต่ำ ที่อาจต้องใช้เงินมหาศาลไปแก้ปัญหามากกว่านี้

“อิ๊งค์” หิ้วข้าว-น้ำฝากลูกพรรค
ช่วงเย็นที่รัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมาติดตามการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีถูกฝ่ายค้านแซะว่า สำนักงบประมาณตัดงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์หมดไม่สนลูกใคร น.ส.แพทองธารตอบว่า “ยิ้มรับค่ะ ยิ้มรับ” พร้อมหัวเราะและกล่าวต่อว่า วันนี้มาให้กำลังใจ สส.พรรค ซื้อข้าวซื้อขนมมาฝาก ไม่มี สส.หนักใจ เขาดูพร้อมมีเวลาเตรียมตัว ก็ให้กำลังใจ จริงๆไม่มีอะไร ไม่เคยเข้าสภา วันนี้เป็นวันแรก บรรยากาศสภาดี ผู้สื่อข่าวยังคงรุมล้อมพยายามที่จะสัมภาษณ์ต่อ แต่ น.ส.แพทองธารได้ย้อนถามว่า “ทานข้าวกันหรือยัง จะกลับกันกี่โมง” จากนั้นจึงเดินทางกลับ

เมินคำพูดด้อยค่ามองแค่สีสัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ขณะเดินลงมาพร้อมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรว่า เพิ่งเจอกันเลยได้ชวนกันลงมา เมื่อถามว่าฟังการอภิปรายงบฯวันแรกเป็นอย่างไร บางช่วงมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง นายกฯตอบว่า บางทีต้องดูนิดนึง อย่างเรื่องที่บอกว่าต้องใช้แว่นขยายสายตาสั้นอะไรแบบนั้น แต่ก็เป็นสีสันการเมือง ไม่ได้คิดอะไรมาก เราตั้งใจทำกันอยู่แล้ว หวังว่าข้าราชการประจำที่ทำกันมาคงไม่คิดอะไรมากมาย เพราะเขาเสียเวลา ในการทำเยอะ ใส่กายใส่ใจเข้าไปพอสมควร แต่มาใช้คำพูดด้อยค่า แต่ไม่เป็นไรทราบอยู่เป็นเรื่องของสีสันการเมือง วันที่ 20 มิ.ย.จะเดินทางมาร่วมประชุม สภาฯตั้งแต่ช่วงเช้า

มั่นใจส่งเลขาฯ ครม.แจงคนเดียว
นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมกรณีคำร้อง 40 สว.ที่ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ตามที่ชี้แจงไปมีเพียงนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพียงคนเดียวที่ส่งชื่อไป ให้ท่านมีอิสระ และชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่กับการส่งพยานเพียงคนเดียว นายกฯตอบว่า “ตามนั้นครับ”

“แทน” ตั้งฉายา “นักวิ่งราวทรัพย์”
นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การตั้งงบกลางเพิ่มขึ้น 1.9 แสนล้านบาท มีคำถามว่าเพื่อมารองรับดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ ขณะที่หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ร้อยละ 60 แล้ว เหลืออีกแค่ร้อยละ 5 จะครบร้อยละ 65 น่ากังวล เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้การพิจารณางบฯสะดุดหรือไม่ นายชัยชนะตอบว่า หากศาลตัดสินก่อนการพิจารณาวาระ 2-3 ต้องดูกฎหมายเรื่องอำนาจรักษาการนายกฯ หากนายกฯลาออกก่อนก็มีผู้รักษาการดำเนินการไปได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ขอให้ฉายางบฯนี้ว่า “รัฐบาลนักวิ่งราวทรัพย์” คือกู้โดยไม่กังวลถึงสถานะการเงินการคลัง แล้วบอกเป็นผลงานตัวเอง

“อนุทิน” เชื่อคดีใหญ่ไม่กระทบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่ากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากคดีมาตรา 112 จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมีทิศทางและความเชื่อมั่นดีขึ้นหรือไม่ว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาล 5-6 พรรค มีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร 314 เสียง ถือเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ การทำงานของ ครม.ทุกคน เป็นไปตามหลักการเดียวกัน ทำตามนโยบายสนับสนุนกันถือว่าไม่มีผลกระทบอะไรจากปัจจัยภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อถามถึงอีก 2 คดีใหญ่ คือคดีนายกฯ และพรรคก้าวไกล ที่ยืดระยะเวลาออกไปจะกระทบหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อย่าไปแตะเลย พร้อมชี้ขึ้นไปที่ห้องประชุมสภา เป็นช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ขึ้นกล่าวเปิดการอภิปรายงบประมาณฯพอดี พร้อมกล่าวต่อว่า ฟังดูสิว่าเสียงใคร กำลังเสนอเรื่องงบประมาณ แสดงว่า ณ วันนี้ยังไม่มีผลกระทบ หรือไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลง อย่างเป็นนัยสำคัญในรัฐบาลชุดนี้

“ทวี” ยันให้ประกัน “ทักษิณ” เรื่องปกติ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีศาลให้ประกันตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เป็นเรื่องปกติตามรัฐธรรมนูญคุ้มครองว่า ต้องให้ประกันไว้ก่อนถ้าไม่ให้ประกันต้องมีเหตุพิเศษจริงๆ และคดีใหม่ของนายทักษิณไม่เกี่ยวกับคดีเก่า โทษเดิมอยู่ในไทม์ไลน์อยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่านายทักษิณไปทำผิดเงื่อนไขอะไร ส่วนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. ตั้งคำถามว่า 2 มาตรฐานหรือไม่นั้น เท่าที่พูดคุยกับอัยการ คดีมาตรา 112 ส่วนใหญ่ศาลจะให้ประกันเยอะที่ไม่ให้เนื่องจากเป็นเรื่องเฉพาะตัว เช่น ประกันตัวไปแล้วไปกระทำสิ่งที่ศาลห้าม ดังนั้นเอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้

ขอเบลอวงจรปิดกู้ชีพส่งญาติ “บุ้ง”
พ.ต.อ.ทวียังกล่าวถึงกรณีนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ตัวแทนครอบครัวบุ้ง-น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม กลุ่มทะลุวัง ยื่นหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญา ขอให้ศาลสั่งให้ไต่สวนการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร พร้อมขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดนาทีกู้ชีพ น.ส.เนติพรว่า เรื่องนี้กำชับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปแล้ว ที่ติดปัญหาคือภาพเหตุการณ์ติดใบหน้าของคนอื่น กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างการเบลอใบหน้าบุคคลอื่น ในห้องผู้ต้องขังป่วยให้เสร็จสิ้น เพื่อส่งมอบให้ทนาย ยืนยันกรมราชทัณฑ์ให้ไฟล์ภาพได้ เพราะรับปากกับสภาผู้แทนราษฎรไว้แล้ว

“พรเพชร” นำ สว.ถ่ายรูปหมู่อำลา
เมื่อเวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา สว.นัดถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก ที่สนามหญ้าหน้าลานปลาอานนท์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายหลังเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.2562-10 พ.ค.2567 ก่อน สว. ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ในวันที่ 2 ก.ค. โดย สว.แต่ละคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา นำทีม สว.ถ่ายรูปหมู่ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวว่า ดีใจที่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ สว. คะแนนการทำงานของ สว.ชุดนี้คงต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน หลังจากหมดหน้าที่จะไปเข้าวัดทำบุญ ไม่แน่อาจไปบวชที่อินเดีย 3 วัน แต่ไม่ทิ้งการเมือง เราอยู่ทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้ามาตลอด ขอให้ สว.ชุดใหม่ตั้งใจทำงาน รักเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

บลัฟ สว.ชุดใหม่อิงการเมืองเพียบ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คงไม่ต้องฝากอะไรถึง สว.ชุดใหม่ เชื่อมั่น สว.จะทำหน้าที่ได้เต็มที่ พรรคการเมืองต่างๆส่งคนเข้ามา ยังไม่รู้จะได้เท่าไหร่ คาดว่าคนที่อยู่พรรคใหญ่ๆ น่าจะเยอะ รวมถึงพรรคก้าวไกลก็น่าจะเยอะเช่นกัน ที่เข้ามาแบบอิสระก็น่าเยอะด้วย รวมแล้วจะทำให้องค์ประกอบวุฒิสภาดีขึ้น แต่ยอมรับได้ยินข่าวเรื่องมีการล็อกชักชวนให้ลงคะแนนให้ มองเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องเอาเงินไปให้ หรืออามิสสินจ้างเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้ามี กกต.ต้องจัดการ ส่วนการเลือก สว.อาจมีการทำไม่ถูกต้องบ้างมากหรือน้อยต้องรอดู เรื่องล็อก จัดโพย ไม่อยากพูด ส่วนชักชวนมีเป็นธรรมดา

นายกฯภูฏานเยือนไทยครั้งแรก
อีกเรื่อง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเชริง โตบเกย์ นายกฯราชอาณาจักรภูฏาน และภริยา มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 25-28 มิ.ย. นับเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯภูฏานเป็นครั้งที่ 2 และปีนี้ยังเป็นโอกาสครบรอบ 35 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ โดยนายกฯจะประชุมเต็มคณะ และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับ ด้านการท่องเที่ยวและด้านสาธารณสุข และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติ

Tags
ข่าวการเมืองประชุมสภาพรรคเพื่อไทยรัฐบาลเศรษฐาอภิปลายงบ 2568

เรื่องอื่นๆ แนะนำต้องดู

Back to top button