อันตรายแก๊สหัวเราะ บช.ก.ลุยตรวจร้านถนนข้าวสาร พบใช้ต่างด้าวยืนขาย
ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ส่ง บก.ปคม.ร่วม ปคบ. นำกำลังลุยตรวจถนนข้าวสาร กวาดล้างจับผู้ลักลอบขายแก๊สหัวเราะให้นักท่องเที่ยว พบเปลี่ยนมาใช้แรงงานต่างด้าวยืนขายหน้าร้านแทน หลังเมื่อเดือน ก.พ. เคยถูกกวาดล้างมาแล้วแต่ยังไม่เข็ด เตือนการสูดดมแก๊สไนตรัสออกไซด์เข้าไปในปริมาณมาก อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต
เวลา 21.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. นำเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. และ กก.4 บก.ปคบ. กระจายกำลังเข้าสุ่มตรวจสถานบันเทิง ร้านอาหารต่างๆ หัวถนนยันท้ายถนนข้าวสาร รวมทั้งหมด 15 ร้าน เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายลูกโป่งอัดแก๊สหัวเราะ และกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้ขายแก๊สหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยว
โดยเป้าหมายสำคัญ อยู่ที่ ร้าน SKY999 ตั้งอยู่บริเวณท้ายถนนข้าวสาร พบแรงงานต่างด้าวถือป้ายโฆษณามีการจำหน่ายแก๊สหัวเราะอยู่ที่หน้าร้าน ราคาลูกละ 100 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ปลอมตัวเป็นลูกค้าติดต่อล่อซื้อ ก่อนที่แรงงานต่างด้าวจะเข้าไปในร้านนำลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะมาให้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นภายในร้านทันที
จากการเข้าตรวจสอบ พบมีการลักลอบจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะจริง โดยสามารถตรวจยึดของกลาง แผ่นป้ายโฆษณาขายแก๊สหัวเราะ , ถุงบรรจุลูกโป่งจำนวนมาก หลอดบรรจุก๊าซไนตรัสออกไซด์, กระบอกสำหรับฉีดก๊าซไนตรัสออกไซด์, ลูกโป่ง ที่ยังไม่ได้ใช้เกือบ 3 พันชิ้น จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว ยืนรอขายลูกโป่งแก๊สหัวเราะตามหน้าร้านอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ อีก 19 ราย ที่ยืนกระจายกันอยู่ ตรวจสอบไม่พบว่ามีใบอนุญาตว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้จับกุมทั้งหมดส่ง กก.1.บก.ปคม. ส่วนแก๊สหัวเราะ นำส่ง กก.4.บก.ปคบ. ดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สถานที่ที่ตรวจพบว่ามีการลักลอบจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะนั้น ยังคงเป็นร้านเดิมๆ ที่เคยจับกุมไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงประมาณเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีพฤติการณ์จะลักลอบจำหน่ายให้เยาวชน และนักท่องเที่ยว โดยใช้ต่างด้าวเป็นคนจำหน่าย จะเห็นได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนวิธีหรือรูปแบบการขายโดยใช้พนักงานที่เป็นแรงงานต่างด้าว มาเป็นคนทำหน้าที่ขายให้กับนักท่องเที่ยวแทน เพื่อเลี่ยงไม่ให้ร้านได้รับผลกระทบจากการถูกดำเนินคดี โดยผู้ประกอบการเหล่านี้จะอ้างว่าร้านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นการลักลอบขายกันเองของพนักงานต่างด้าว แต่การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิด ทางร้านก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายแก๊สหัวเราะ มีความผิด ข้อหา “ผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่นำมาใช้เป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่แรงงานต่างด้าว จะถูกดำเนินคดีข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต การอนุญาตสิ้นสุดหรือถูกเพิกถอนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้”
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวว่า จากการตรวจสอบถนนข้าวสารในครั้งนี้ พบว่ายังคงมีร้านที่ลักลอบจำหน่ายลูกโป่งที่บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ (ลูกโป่งแก๊สหัวเราะ) ซึ่งเป็นสารระเหยที่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดเป็นจำนวนมากให้กับนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้ความสำคัญและมีการแจ้งเตือนถึงภัยอันตรายให้กับพี่น้องประชาชนจากการสูดดมลูกโป่งแก๊สหัวเราะมาโดยตลอด ซึ่งหากมีการสูดดมไนตรัสออกไซด์เข้าไปในปริมาณที่มากจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบการหายใจและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงเป็นที่มาของการปฏิบัติการปราบปรามจับกุมในครั้งที่ 2 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ขอฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกโป่งแก๊สหัวเราะโดยเด็ดขาด และโปรดคำนึงถึงสุขภาพและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวท่านได้ ถ้าพบเห็นมีผู้ลักลอบกระทำผิดอีก สามารถแจ้งเบาะแสข้อมูลได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โทร. สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก “กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์” เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจังต่อไป