“เลือดหมดคลัง” วิกฤติผู้ป่วยฉุกเฉิน สถิติผู้รับโลหิตปี 66
บริจาคเลือดแล้วไปไหน วิกฤติเลือดหมดคลัง เป็นปัญหารุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับเลือดเพิ่ม ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับโลหิต ต้องได้รับเลือดทุกเดือน ทำให้ สภากาชาดไทย กระตุ้นให้มีการบริจาคเลือดปีละ 4 ครั้ง เพื่อให้มีโลหิตเพียงพอใช้งานตลอดปี
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ตลอดปี 2567 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พยายามรณรงค์ให้ผู้บริจาคโลหิตมีการบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้ง เพิ่มขึ้น หรืออย่างน้อยบริจาคโลหิตเพิ่มปีละ 2-3 ครั้ง
จากสถิติการบริจาคโลหิตทั่วประเทศ ปี พ.ศ. 2566 จำนวนผู้บริจาคโลหิตทั้งหมด 1,606,743 คน พบว่ามีผู้บริจาคโลหิตปีละ 1 ครั้ง มีปริมาณมากถึง 1,057,894 คน คิดเป็นร้อยละ 65.84 ขณะที่ ผู้บริจาคโลหิตปีละ 4 ครั้ง มีจำนวนเพียง 73,770 คน คิดเป็นร้อยละ 4.59 และยังมีผู้บริจาคโลหิตปีละ 2 ครั้ง จำนวน 313,029 คน คิดเป็นร้อยละ 19.48 บริจาคโลหิตปีละ 3 ครั้ง จำนวน 156,052 คน คิดเป็นร้อยละ 9.71
ส่วนผู้บริจาคโลหิตมากกว่า 4 ครั้ง จำนวน 5,998 คิดเป็นร้อยละ 0.37 หากมีผู้บริจาคโลหิตบริจาคทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้งเพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีโลหิต เพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอตลอดปี
โลหิต เป็นยารักษาโรคที่ยังไม่มีนวัตกรรมใดมาทดแทน จึงจำเป็นต้องมีการรับบริจาคโลหิตจากเพื่อนมนุษย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งโลหิตสำหรับใช้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วย โดยโลหิตที่ได้รับบริจาคร้อยละ 23 นำไปใช้รักษากลุ่มผู้ป่วยโรคเลือด เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย เกล็ดเลือดต่ำ
ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
อีกร้อยละ 77 นำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่สูญเสียโลหิตเฉียบพลันจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด ตกเลือดหลังคลอดบุตร เลือดออกในทางเดินอาหาร ต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัด อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้
จึงต้องมีการรณรงค์ให้ผู้บริจาคโลหิต เพิ่มความถี่ในการบริจาคโลหิต เพิ่มเป็น 4 ครั้งต่อปี จะทำให้โลหิตมีปริมาณเพียงพอสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทั้งปี.