โรคเด็ก RSV เชื้อไวรัสระบาดหนักลงปอด สัญญาณร้ายอันตรายถึงชีวิต
ไวรัส RSV กลับมาแพร่ระบาดหนักในเด็กเล็ก ทำให้เด็กมีอาการหอบเหนื่อย กินนมไม่ได้ เป็นที่วิตกกังวลของพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มียารักษาในไทย แพทย์ใช้การรักษาแบบประคับประคอง ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นแนวทางสำคัญ เพราะหากมีการปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายหนัก เด็กมีความเสี่ยงเสียชีวิตได้
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตนายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ด้วยสภาพอากาศกลับมาเย็นอีกครั้ง ทำให้มีการแพร่ระบาดของไวรัส RSV มากขึ้น โดยเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่จะมีอาการรุนแรงในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้นสาเหตุที่เด็กเป็น โรคเด็ก RSV รุนแรงมีปัจจัยดังนี้
– RSV คือ ไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม ชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มี 2 สายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นไวรัสที่ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นมากในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี มีการระบาดทุกปี
– ไวรัส RSV มีการแบ่งตัวจำนวนมากในร่างกายของเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นหลอดลมอักเสบ
– เชื้อ RSV หากลงไปที่หลอดลมจำนวนมาก ทำให้เด็กหายใจลำบาก หอบเหนื่อย มีภาวะปอดอักเสบร่วมด้วย พบมากในฤดูฝน และฤดูหนาว
– เมื่อรับเชื้อ ช่วงแรกมีอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
– มีอาการหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ และปอดอักเสบตามมาได้
– ต้องระวังในเด็กที่ติดเชื้อ RSV ที่หลอดลมยังมีขนาดเล็ก ทำให้มีความยากลำบากในการขากเสมหะออก
– เด็กเล็กที่มีปัญหาที่หลอดลม ต้องมีการให้น้ำ เพื่อให้ลำคอชุ่มชื้น จะช่วยให้เสมหะออกมาได้ง่าย
– เด็กเล็ก ผู้ปกครองไม่ควรให้นมจำนวนมากระหว่างมีอาการ เพราะเด็กมีภาวะกลืนลำบาก มีโอกาสสำลักนม
– เด็กเล็ก มีอาการเริ่มต้นเป็นไข้หวัด แล้วอาจมีเชื้อลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่าง เป็นปอดอักเสบได้
– หลังรับเชื้อ RSV จะแสดงอาการเร็วสุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าสุดประมาณ 8 วัน ส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 วัน
– ยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่ใช้การรักษาแบบประคับประคอง
– การรักษา มีการจ่ายยาลดเสมหะ อนาคตมีโอกาสที่จะมียาต้านไวรัส RSV
– ไวรัส RSV มีการแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอ ดังนั้นการป้องกันที่ดี ควรล้างมือ สวมใส่หน้ากาก อยู่ในที่โล่ง
– ถ้าเด็กมีอาการไม่สบาย ควรหยุดอยู่บ้าน เพราะมีโอกาสที่แพร่เชื้อให้กับเพื่อนที่โรงเรียนได้.