แม่ปลอมสลิปค่าเทอมลูก วางแผนโอนหลอก ขอครูเห็นใจ โทษถึงฉ้อโกง
กลายเป็นดราม่าเมื่อโรงเรียนเอกชนชื่อดัง จังหวัดปราจีนบุรี แจ้งความเอาผิดผู้ปกครองรายหนึ่งใช้สลิปปลอมจ่ายค่าเทอมลูก หลังวางแผนโอนหลอก ก่อนนำสลิปมาปลอมตัวเลข หลังโรงเรียนจับได้ ขอความเห็นใจอยากให้ลูกได้เรียนต่อ เผยพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกง ระบาดหนักยุคโอนจ่าย
ที่ผ่านมามีมิจฉาชีพใช้สลิปโอนเงินปลอมในการหลอกว่าโอนเงินค่าสินค้าให้กับร้านค้าในหลายแห่ง ล่าสุดโรงเรียนเอกชนชื่อดังในจังหวัดปราจีนบุรี แจ้งความเอาผิดผู้ปกครองรายหนึ่ง โดยผู้ปกครองรายดังกล่าวได้เข้ามาที่โรงเรียนวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ได้ทำทีกดโทรศัพท์เพื่อโอนเงินค่าเทอม 12,000 บาท จากนั้นได้โชว์สลิปให้ครูดู และเห็นว่ามีตัวเลขปรากฏอยู่ในสลิป แต่เมื่อครูได้กลับมาย้อนดู พบว่ายอดเงินดังกล่าวไม่ได้โอนเข้ามาในบัญชีโรงเรียน จึงติดต่อหาคุณแม่ เพราะพบว่าบัญชีแม่มีการโอนเข้ามาก่อนหน้านี้หลายครั้ง แต่ละครั้งประมาณหนึ่งบาท หรือต่ำกว่านั้น คาดว่าแม่น่าจะนำสลิปดังกล่าวไปตกแต่งตัวเลขก่อนนำมาหลอกครู
หลังทางโรงเรียนทราบพฤติกรรมได้แจ้งให้คุณแม่มาจ่ายค่าเทอมใหม่ แต่ยังมีการบ่ายเบี่ยงว่ายังไม่มีเงินเข้ามาเพราะใกล้ปีใหม่ สุดท้ายโรงเรียนได้แจ้งความ และโทรหาแม่รายดังกล่าว ที่ขอร้องให้ครูไม่ไปแจ้งความ เบื้องต้นโรงเรียนยังให้ลูกได้เรียนต่อ และรอไกล่เกลี่ย หากนำเงินค่าเทอมมาจ่ายจะถอนแจ้งความ
ประเด็นนี้กลายเป็นที่ถกเถียงในโลกโซเชียล เพราะส่วนหนึ่งสงสารเด็กที่ต้องมารับเคราะห์กรรม ขณะที่อีกฝั่งมองว่าควรแยกระหว่างความผิดของแม่ที่ต้องรับโทษ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดังมองคดีนี้ว่า ระหว่างความสงสารลูก กับ ความผิดของแม่ ควรจะแยกออกจากกัน เพราะพฤติกรรมการปลอมแปลงสลิปการจ่ายเงินค่าเทอมลูกถือว่ามีความผิด ซึ่งการส่งเสริมการศึกษาให้กับลูกไม่ควรจะมีการทุริตตั้งแต่เริ่มต้น
แม้หลายคนที่สงสาร แต่ควรมีการทำให้แม่ไม่ทำพฤติกรรมปลอมแปลงแบบนี้อีก ซึ่งเมื่อนำเงินมาจ่ายแล้วทางโรงเรียนอาจไม่ดำเนินคดีกับแม่ เพราะถ้าเกิดแม่ถูกดำเนินคดี ลูกจะลำบาก กลายเป็นภาระให้กับสังคมอีก
พฤติกรรมการปลอมเอกสารการจ่ายเงินของแม่ มีพฤติกรรมที่วางแผนมาก่อน โดยการโอนสลิปเข้ามาหลายรอบ เพื่อนำสลิปนั้นไปปลอมตัวเลข จึงอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่การปลอมแปลงเอกสารสามารถยอมความได้
นอกจากนี้ถ้าทางโรงเรียนมีการนำทรัพย์สินให้กับแม่ของเด็ก เช่น หนังสือ หรืออุปกรณ์การเรียน จะเข้าข่ายการฉ้อโกงอีกคดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งกรณีนี้มีการแพร่ระบาดอย่างหนักตามตลาด และร้านค้าทั่วไป ที่มิจฉาชีพจะมาหลอกซื้อของหรือทานอาหาร แล้วโชว์สลิปปลอม ตามกฎหมายถือว่าผู้กระทำความผิดเข้าข่ายฉ้อโกงอีกคดี เพราะผู้เสียหายได้สูญเสียทรัพย์สินให้ แต่ถ้าในกรณีปลอมแปลงเอกสารค่าเทอมอย่างเดียว ก็จะมีความผิดเพียงปลอมแปลงเอกสาร
อยากเตือนผู้ที่กำลังคิดกระทำผิดในการปลอมสลิป เพราะตอนนี้มีการแพร่ระบาด ซึ่งการตรวจสอบสามารถทำได้ และมีหลายคนถูกจับทั้งฐานความผิดด้านปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกงด้วย.