“อ.เจษฎา” อธิบายละเอียด กิน “ยาพารา” ครั้งละ 2 เม็ด เสี่ยงตับพังจริงไหม
“อ.เจษฎา” อธิบายละเอียด เรื่องการกิน “ยาพารา” ครั้งละ 2 เม็ด เสี่ยงตับพังจริงไหม พร้อมเผยข้อควรระวังในการกิน “ยาพาราเซตามอล”
ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “ห้ามกินยาพาราเซตามอล ทีละ 2 เม็ดจริงหรือ?” โดยระบุว่า คำถามจากคอมเมนต์หนึ่ง บอกว่าคุณหมอท่านนึงทำคลิปแนะนำเอาไว้ ประมาณว่า อย่ากินยาพาราเซตามอลทีละ 2 เม็ด เพราะยานี้ให้กินได้เพียง 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ดังนั้นถ้าเราหนักสัก 50 กิโลกรัม ก็กินยาพาราได้แค่ 500 มิลลิกรัม หรือแค่ 1 เม็ดเท่านั้น (ขนาด 500 มิลลิกรัม) กินเกินกว่านั้น กินไป 2 เม็ด จะทำให้ตับพังไม่รู้ตัว ฯลฯ เลยเกิดความสงสัย เพราะปรกติก็เห็นเขียนให้กินได้ครั้งละ 1-2 เม็ด
ยาพาราเซตามอล เป็นยาสำหรับบรรเทาปวดจากสาเหตุต่างๆ ในระดับปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ปวดหัว, ปวดข้อเสื่อม, ปวดกล้ามเนื้อ และใช้เป็นยาลดไข้ แต่จะไม่พอสำหรับการปวดขั้นรุนแรง เช่น แผลผ่าตัดใหญ่หรือมะเร็ง โดยมากที่มีจำหน่ายกัน จะมี 2 ขนาด คือ ขนาด 325 มิลลิกรัม และขนาด 500 มิลลิกรัม ซึ่งต้องกินตามน้ำหนักตัว และการกินยาแต่ละครั้ง ควรกินห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง และใช้เฉพาะเมื่อมีอาการ เช่น ปวดหรือมีไข้ เท่านั้น
ตามปรกติสำหรับผู้ป่วยทั่วไป คือผู้ที่มีภาวะตับและไตเป็นปกตินั้น จริงๆ แล้ว ทางการแพทย์ระบุว่า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถรับประทานยานี้ได้ 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และใน 1 วัน ไม่ควรกินเกิน 4 พันมิลลิกรัม โดยไม่รับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน และถ้าทานแล้วไข้ไม่ลดภายใน 3 วัน หรืออาการปวดในเด็กไม่บรรเทาภายใน 5 วัน หรือในผู้ใหญ่ไม่บรรเทาภายใน 10 วัน ควรไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอาการของโรคที่ร้ายแรงได้ (ดูลิงก์อ้างอิงด้านล่าง)
ดังนั้น จริงๆ แล้ว เราสามารถคำนวณจำนวนเม็ดของยาพาราเซตามอลที่เหมาะสม ที่จะกินตามน้ำหนักตัวของเรา ได้ดังนี้
ยาพาราเซตามอล ขนาด 325 มิลลิกรัม
- น้ำหนัก 45-67 กิโลกรัม กิน 2 เม็ด (จะเห็นว่ากินทีละ 2 เม็ด ได้โดยปลอดภัยครับ)
- น้ำหนัก 34-44 กิโลกรัม กิน 1 เม็ดครึ่ง
- น้ำหนัก 22-33 กิโลกรัม กิน 1 เม็ด
ยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม
- น้ำหนัก 67 กิโลกรัมขึ้นไป กิน 2 เม็ด (จะเห็นว่ากินทีละ 2 เม็ด ได้โดยปลอดภัยครับ)
- น้ำหนัก 51-67 กิโลกรัม กิน 1 เม็ดครึ่ง
- น้ำหนัก 33-50 กิโลกรัม กิน 1 เม็ด
ยาพาราเซตามอล ยี่ห้อไทลินอล (Tylenol) ขนาด 650 มิลลิกรัม ชนิดเม็ดออกฤทธิ์นาน 8 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไป น้ำหนักตั้งแต่ 44 กิโลกรัมขึ้นไป กิน 2 เม็ด แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
- น้ำหนักน้อยกว่า 44 กิโลกรัม หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ให้ใช้ยานี้ เพราะจะได้รับยาเกินขนาดที่แนะนำ ซึ่งอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้
สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 22 กิโลกรัม ก็ไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลแบบเม็ดทุกขนาด ควรเข้าพบแพทย์โดยตรงเพื่อปรึกษาอาการและยาที่ควรใช้ (จริงๆ สำหรับเด็กเล็ก จะกินเป็นแบบยาน้ำเชื่อม แล้วแพทย์จะช่วยคำนวณตามน้ำหนักตัวให้ ว่ากินกี่ซีซี)
ส่วนข้อควรระวังในการกิน ยาพาราเซตามอล มีดังนี้
- ห้ามกินยาพารา ขนาด 500 มิลิลกรัม เกิน 8 เม็ดต่อวัน หรือ 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- ห้ามกินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะมีผลเสียต่อตับ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น ยาแก้หวัดบางชนิด, ยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด เพราะอาจทําให้ได้รับยาเกินขนาด
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ หากดื่มสุราเป็นประจํา เป็นโรคตับหรือโรคไต
- หากรับประทานยาแล้วเกิดอาการ เช่น บวมที่ใบหน้า, เปลือกตา, ริมฝีปาก, ลมพิษ, หน้ามืด, ผื่นแดง, ตุ่มพอง, ผิวหนังหลุดลอก ให้หยุดยาและรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ หากมีภาวะพร่องจีซิกซ์พีดี (G6PD) หรือกำลังใช้ยาวาร์ฟารินซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดหนึ่ง เพราะอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาได้ง่ายกว่าผู้อื่น
- เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท พ้นแสงแดด และความร้อน เก็บให้พ้นมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง อย่าเก็บในที่ชื้น เพราะจะทำให้ยาเสื่อมสภาพ.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์