นายสุรพงษ์เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลในการให้กำลังใจผู้ประสบเหตุ ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุ โดยจะวิเคราะห์หลายมิติ ตั้งหลายสมมติฐานว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรเป็นที่รถ ถนน หรือควรจะมีสัญญาณเตือนตรงจุดที่มีต้นไม้ใหญ่ จะนำเหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่กำลังจะถึงทั้งเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์

พ.ต.อ.วีระพัฒน์ เกตุษา ผกก.สภ.ห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีว่าพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถสอบปากคำนายสมศักดิ์ มากเอียด อายุ 38 ปี โชเฟอร์รถทัวร์ เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ยังไม่สามารถให้การได้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเก็บหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ รวมถึงสอบปากคำพยานต่างๆ เพื่อประเมินสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ จะแจ้งข้อหาหลังรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วน

วันเดียวกันที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีรถทัวร์โดยสารชนต้นไม้ริมถนนเพชรเกษม อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากว่า ได้สั่งให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ดูแลว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นตรงไหนอย่างไร เมื่อถามถึงข้อเสนอเรื่องการยกเลิกรถบัส 2 ชั้น วิ่งรับส่งผู้โดยสารเพราะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุนั้น นายกฯตอบว่าเป็นเรื่องของกรมการขนส่งทางบกต้องพิจารณา ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการลงทุนไปจำนวนมาก ปัญหาอุบัติเหตุอาจไม่ใช่แค่เกิดจากรถบัส 2 ชั้น แต่อาจเป็นเรื่องของสภาพรถ รวมถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติตามกฎจราจร ทัศนวิสัยการขับรถ หลายอย่างประกอบกัน

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุรถทัวร์โดยสารชนต้นไม้ริมถนนเพชรเกษม อ.ทับสะแก จ.ประจวบ คีรีขันธ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 14 ราย นายกฯขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอำนวยความสะดวกกับผู้ประสบเหตุและญาติอย่างเต็มที่ รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างมาก มีการรณรงค์ในทุกเทศกาลเพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สั่งให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) และสำนักงาน คปภ. จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการ ทำประกันภัย พร้อมติดตามรายงานความเสียหายอย่าง เร่งด่วน รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

สำหรับรถคันดังกล่าวทำประกันภัยทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการประสานงานการทำงานร่วมกับบริษัท วิริยะฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทายาทผู้เสียชีวิต 14 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท และภาคสมัครใจประเภท 3 ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอกโดยเฉลี่ยจ่ายจากจำนวนเงินความคุ้มครอง 10 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บประสาน กับบริษัทประกันเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรอง สิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง ผู้บาดเจ็บ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาแต่อย่างใด