นางเอ๋ กล่าวอีกว่า ลูกบอกว่าเคยถูกใส่ความแบบเดียวกัน แต่นานมาแล้ว และคุยกันจบแล้ว เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ครั้งนี้ก็มีคนไปใส่ไฟ ใส่ความว่าไดมอนด์จะไปตีคนชื่อเฟิร์น คนชื่อยีนจึงนัดมาเคลียร์ให้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและจะได้จบกันไป จึงไปตามนัด ขณะพูดคุยกัน คนชื่อนาเดียที่น้องไม่รู้จัก ลงมือทำร้ายน้องก่อน จากนั้นทั้งหมดก็รุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยมีการถ่ายคลิปและโพสต์ในโซเชียล จึงอยากขอความเป็นธรรม เพราะหลังเกิดเหตุทั้ง 4 คน แชตมาขอโทษน้อง บอกว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจตีน้อง

“การกระทำมันไม่ใช่ มันสวนทางกัน เพราะในคลิปทั้งจับโขกหัว เตะต่อยซ้ำๆ นานกว่า 22 นาที น้องวิ่งหนีแล้ว ยังโดนลากตัวกลับมาตีซ้ำอีก ทั้งยังขู่น้องอีกว่า ถ้าบอกพ่อแม่ และเอาเรื่องจะฆ่าให้ตาย จึงมาพบตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้า เพราะอยากให้ตำรวจสอบสวนเอาเรื่องทั้ง 4 คน ดำเนินคดีตามกฎหมาย และยืนยันว่าจะไม่ไกล่เกลี่ย หรือยอมความรับเงินจากคู่กรณีที่ทำร้ายลูกสาวเด็ดขาด ให้ไปว่ากันในชั้นศาล”

ขณะที่น้องจ๊ะจ๋า เพื่อนสนิทของน้องไดมอนด์ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนได้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า เรื่องที่รุ่นพี่พูดขึ้นมาและอยากเคลียร์กับไดมอนด์นั้น  ไดมอนด์ไม่เคยพูดเลย แต่เหมือนมีเพื่อนไปใส่ไฟกับคนชื่อยีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนชื่อยีน จึงสร้างกลุ่มขึ้นมาเพื่อพูดคุยกันว่า สิ่งที่มีคนมาบอกนั้นใครพูด ใครถูกใครผิด จากนั้นก็นัดไดมอนด์ไปคุย ไดมอนด์ก็ไปตามนัด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่สุดท้ายไดมอนด์กลับถูกรุ่นพี่ทั้ง 4 คน รุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส

ทางด้าน พ.ต.ท.สำเนียง สำโรงพล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.หนองเรือ กล่าวว่า คดีของเด็กอายุ 13 ปี ถูกรุ่นพี่ทำร้ายบาดเจ็บสาหัส คืนวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา มารดาเด็กพาเด็กมาแจ้งความแล้ว ซึ่งภายหลังรับแจ้งความร้องทุกข์ ได้ส่งตรวจร่างกายที่รพ.ภูเวียง แต่อาการหนัก จึงส่งต่อ รพ.ชุมแพ จากการสอบสวนคนเจ็บในเบื้องต้น ทราบว่าคนเจ็บกับคู่กรณีนัดกันทางเฟซบุ๊ก เคลียร์เรื่องที่ติดใจกัน เมื่อได้เจอและพูดคุยกัน คงพูดผิดหูกัน จึงถูกรุมทำร้ายกัน ตามที่ปรากฏในคลิป และได้สอบสวนคู่กรณีที่รุมทำร้ายน้องทั้ง 4 คนแล้ว ยอมรับสารภาพว่า ร่วมกันทำร้ายน้องจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานทีมสหวิชาชีพมาสอบสวน เพราะทั้งหมดยังเป็นเด็กและเยาวชนอยู่ ภายหลังสอบปากคำ จะแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบเข้าข่ายความผิดจะแจ้งข้อหาเพิ่ม และส่งดำเนินคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งต่อมา มารดาของเด็กที่บาดเจ็บได้พาตำรวจและสื่อมวลชนลงพื้นที่เกิดเหตุ ที่บ้านโนนทอง ต.โนนทอง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น.