ผู้อำนวยการ สศท.1 เผย ส้มสายน้ำผึ้ง ของดีเชียงใหม่ คาดได้ขึ้นทะเบียน GI ธ.ค. 66
ผู้อำนวยการ สศท.1 เผย ขณะนี้ ผลผลิตส้มสายน้ำผึ้ง จ.เชียงใหม่ ออกตลาดแล้ว ราคาตั้งแต่ กก.ละ 10-35 บาท ตามขนาดเบอร์ ขณะที่การยื่นขอเป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เชียงใหม่ คาดได้ขึ้นทะเบียนภายใน ธ.ค. 2566
นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งผลิตส้มเขียวหวานอันดับ 1 ของภาคเหนือ จากข้อมูลของ สศก. ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่า มีเนื้อที่ยืนต้น 38,443 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 36,528 ไร่ ผลผลิตรวม 122,315 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 3,349 กิโลกรัม/ไร่ กิโลกรัม/ไร่ แหล่งปลูกส้มที่สำคัญอยู่ที่อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ พันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุดร้อยละ 99 คือ “พันธุ์สายน้ำผึ้ง” เนื่องจากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ชานในนิ่ม เหมาะกับการรับประทานผลสดและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยปีนี้ ผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566–ก.พ. 2567 และจะออกมากที่สุดช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ประมาณ 48,437 ตัน ของผลผลิตทั้งจังหวัด หรือคิดเป็นร้อยละ 40
ผู้อำนวยการ สศท.1 เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า ด้านสถานการณ์ราคาส้มสายน้ำผึ้งจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2566 ในช่วงที่ผลิตออกสู่ตลาด พบว่า ราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 แบ่งเป็น 5 เกรด ได้แก่ ส้มเบอร์ 6 ราคา 35 บาท /กิโลกรัม, ส้มเบอร์ 5 ราคา 25 บาท/กิโลกรัม, ส้มเบอร์ 4 ราคา 20 บาท/กิโลกรัม, ส้มเบอร์ 3 ราคา 15 บาท/กิโลกรัม และส้มเบอร์ 2 ราคา 10 บาท/กิโลกรัม ด้านสถานการณ์ตลาด พบว่า ผลผลิตส้มสายน้ำผึ้ง ส่วนใหญ่ร้อยละ 71 ส่งจำหน่ายภายนอกจังหวัด และร้อยละ 29 จำหน่ายภายในจังหวัด
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการบริหารจัดการผลผลิตส้มสายน้ำผึ้งของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก จะอยู่ภายใต้กลไกการทำงานของคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกร อันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาผลไม้ และป้องกันไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคา การเตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด อาทิ การจำหน่ายส้มสายน้ำผึ้งเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่านห้างค้าปลีก โมเดิร์นเทรด เครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และการส่งเสริมให้เกษตรกรขายผ่านช่องทางออนไลน์
ผู้อำนวยการ สศท.1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการขับเคลื่อนผ่านโครงการส่งเสริมการผลิตแบบแปลงใหญ่ ภายใต้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีเกษตรกรรวมกลุ่มแปลงใหญ่ จำนวน 1 แปลง คือ กลุ่มแปลงใหญ่ส้มสายน้ำผึ้ง ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง โดยมีนายคเณช หน่อราช เป็นประธานแปลง นับเป็นแปลงใหญ่ที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลผลิต การส่งเสริมเรื่องการบริหารจัดการกลุ่ม และเรื่องการตลาด รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้แปลงเพาะปลูกส้มสายน้ำผึ้งของเกษตรกรได้รับมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ซึ่งปัจจุบันมีแปลงที่ได้รับมาตรฐาน GAP จำนวน 80 แปลง รวมเนื้อที่ 3,827 ไร่
“นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันให้ส้มสายน้ำผึ้งเป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา คาดว่าจะได้รับ GI ประมาณเดือนธันวาคม 2566 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิต ส้มสายน้ำผึ้งของเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ที่มีเอกลักษณ์กว่าส้มที่อื่น รสชาติหวานอมเปรี้ยว ผิวส้มสีทอง เปลือกบางปอกง่าย จะบริโภคเองหรือซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจผู้รับอย่างแน่นอน และที่สำคัญยังเป็นการสร้างกำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกรให้ผลิต ส้มสายน้ำผึ้งที่มีคุณภาพต่อไป” นายธวัชชัย กล่าว
หากท่านที่สนใจข้อมูลสถานการณ์การผลิตส้มสายน้ำผึ้งของจังหวัดเชียงใหม่ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.1 โทร. 0 5312 1318.