ฝรั่งเศสออกหมายจับ บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย
ฝรั่งเศสออกหมายจับ ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียแล้ว ในข้อหา ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามโจมตีพลเรือนเมื่อ 10 ปีก่อน
เมื่อวันพุธที่ 15 พ.ย. 2566 สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในหน่วยงานฝ่ายตุลาการของฝรั่งเศสว่า ทางการแดนน้ำหอมออกหมายจับ ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียแล้ว ในข้อหา ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับพลเรือนในซีเรีย
ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว ผู้พิพากษาสืบสวน 2 คนออกหมายจับ 4 ฉบับในวันอังคาร โดยเป็นของ นาย อัสซาด, พลตรี มาเฮอร์ อัล-อัสซาด น้องชายของเขา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 2 คน โทษฐานร่วมกันก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และร่วมกันก่ออาชญากรรมสงคราม
นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีการออกหมายจับระหว่างประเทศต่อนายอัสซาด โดยคาดว่า องค์กรตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) จะออก “หมายแดง” ในภายหลัง ตามการเปิดเผยของ นาย ไมเคิล แชมมาส ทนายความฝ่ายโจทก์ ซึ่งบอกเรื่องนี้กับซีเอ็นเอ็นจากประเทศเยอรมนี
นายแชมมาส บอกด้วยว่า คดีดังกล่าวยื่นฟ้องร้องโดย ศูนย์เพื่อสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกแห่งซีเรีย (SCM), สถาบันริเริ่มนำความยุติธรรมสู่สังคมเปิด (OSJI) และหอจดหมายเหตุซีเรีย ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม 2564 จากกรณีการใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับพลเรือนในเมืองดูมา และในเขตกูตาตะวันออก (Eastern Ghouta) ในเดือนสิงหารคม 2556 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 ศพ
ทั้งนี้ รัฐบาลซีเรียถูกกล่าวหาว่า ใช้แก๊สพิษในเขตกูตา ชานกรุงดามัสกัส กับฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏที่กองทัพฝ่ายรัฐบาลพยายามจะยึดคืนมานานกว่า 1 ปี โดยฝ่ายซีเรียกล่าวหากลับว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้านต่างหากที่เป็นผู้ใข้อาวุธเคมีโจมตีดังกล่าว
นายแชมมาส ระบุว่า การสืบสวนกรณีนี้เริ่มขึ้น หลังจากมีการยื่นฟ้องร้องตามคำให้การของผู้รอดชีวิตในการโจมตีเมื่อสิงหาคม 2556 ขณะที่ผู้ก่อตั้ง SCM ออกแถลงการณ์ระบุว่า นี่คือชัยชนะครั้งใหม่สำหรับเหยื่อ, ครอบครัวของพวกเขา และผู้รอดชีวิต และเป็นอีกก้าวหนึ่งบนเส้นทางไปสู่ความยุติธรรมและความสงบอย่างยั่งยืนในซีเรีย
ขณะที่ นายฮาดี อัล คาติบ ผู้ก่อตั้งหอจดหมายเหตุซีเรีย กล่าวว่า “ด้วยการออกหมายจับนี้ ฝรั่งเศสได้แสดงจุดยืนว่าอาชญากรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนนั้น ไม่สามารถถูกปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่มีผู้ต้องรับผิดชอบได้ เราเห็นฝรั่งเศสแล้ว และหวังว่าประเทศอื่นจะทำตามในเร็วๆ นี้”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn