พ่อ-แม่ เข้ารับศพลูกชาย โจ๋วัย 15 ที่ถูกอริย่านรามคำแหงยิงเสียชีวิต
พ่อ-แม่โจ๋ 15 เข้ารับศพลูกชาย หลังถูกอริวัยรุ่นย่านรามคำแหงยิงเสียชีวิต เป็นนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนดังย่านพัฒนาการ พบทั้งสองกลุ่มมีปัญหากันมานานหลายปี และล่าสุดได้ล้างแค้นกัน และปาบึมระเบิดอีกฝ่ายมา 5 วันแล้ว
จากกรณีโจ๋พัฒนาการเปิดศึกบู๊ วัยรุ่นรามคำแหง ยกพวกตีกัน ปาระเบิดปิงปอง สาดยิงกระสุนถูกเด็ก 15 ดับ บริเวณปากซอยพัฒนาการ 53 พบก่อนหน้านี้มีปัญหากันมานานหลายปี ต่อมาทราบว่าเด็กชายที่เสียชีวิต เป็น นร.ชั้น ม.5 โรงเรียนศรีพฤฒา ได้ขอโทรศัพท์พ่อไปเล่นเมื่อ 4 ทุ่ม ก่อนที่ตี 1 เพื่อนมาแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 66 ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ นายสราวุธ พุ่มเพ็ชร์ และนางสาวกัญญาวี ศีรษะเดช พ่อและแม่ของนาย รังสิมันตุ์ พุ่มเพ็ชร์ หรือ “น้องฮามีม” อายุ 15 ปี ได้เดินทางมาขอรับร่างของลูกชาย เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พ่อแม่ร้องไห้ตลอดเวลา โดย น.ส.กัญญาวี ผู้เป็นแม่ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 3 คน น้องฮามีมเป็นลูกชายคนโต ซึ่งเป็นเสาหลักของที่บ้าน เพราะพ่อของน้องต้องทำงานขับรถขนส่งตลอด เวลาที่มีอะไรน้องก็สามารถแบ่งเบาภาระของแม่ และช่วยเหลือน้องๆ อีก 2 คน เวลาไปรับไปส่งที่โรงเรียน
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น แม่ขอยืนยันว่าน้องไม่เคยมีปัญหากับใคร เพียงแต่ก็ตามประสาวัยรุ่นที่มีเพื่อน เวลาเพื่อนเรียกไปไหน น้องก็จะตามๆ รุ่นพี่ไปก็เท่านั้น ส่วนที่ว่ากลุ่มของลูกชายไปมีปัญหากันกับคู่อริหลายครั้งก่อนจะมาเกิดเรื่อง อันนี้ทางแม่ไม่รู้เรื่องมาก่อน เพราะลูกชายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด และชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตนอยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย ไม่อยากให้มีครอบครัวไหนต้องมาสูญเสียเหมือนครอบครัวตนอีก ส่วนในเรื่องของพิธีกรรมทางศาสนาก็จะเป็นพิธีแบบอิสลาม ที่สุเหร่าดาริสสลาม กรุงเทพฯ ส่วนทางด้านคดีก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” ผู้เป็นแม่ กล่าว
ด้านนายสราวุธ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ก่อนที่เกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ลูกชายได้มาขอโทรศัพท์ไปเล่น ซึ่งตนเองก็เห็นว่าลูกชายได้เดินทางไปห้องแล้ว ก็นึกว่าลูกชายน่าจะกลับไป จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. เพื่อนของลูกชายมาเรียกที่หน้าบ้านว่า ลูกชายถูกยิงให้รีบไปดู ตนและภรรยาจึงรีบวิ่งออกไปดู เนื่องจากบ้านกับที่เกิดเหตุอยู่ถัดไปไม่กี่ซอย พอไปถึงก็เห็นร่างของลูกชายนอนแน่นิ่ง ไม่ได้สติแล้ว รู้ได้เลยว่าน่าจะเสียแล้ว ตนเองก็เข่าทรุดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้และกอดภรรยา.