ตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร เข้าร่วมปฏิบัติการไล่ล่า เสี่ยแป้ง บนเทือกเขาบรรทัด
ตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร เข้าร่วมปฏิบัติการไล่ล่า “เสี่ยแป้ง นาโหนด” บนเทือกเขาบรรทัด ซึ่งถือเป็นชุดที่ชำนาญการเดินป่า ขณะที่ พฐ.เก็บหลักฐานจุดปะทะ พบปืนเอ็ม 16 พร้อมแมกกาซีน และปืนลูกซอง อีก 1 กระบอก
ตำรวจยังพลิกแผ่นดินตามล่า นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” อายุ 37 ปี นักโทษอุกฉกรรจ์แหกโซ่ตรวนหนีจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามรวบลูกน้องที่ช่วยพาหนีได้ครบทีม 7 คน พร้อมดำเนินคดีผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 3 นาย ในความผิดมาตรา 157 มีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยควบคุมดูแลผู้ต้องขัง ก่อนถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ ขณะที่ “แป้ง นาโหนด” ที่มีค่าหัวสูงถึง 1 ล้านบาท คาดว่ายังคงกบดานบนเทือกเขาบรรทัดเขตรอยต่อ 3 จังหวัดตรัง-พัทลุง-สตูล
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดพัทลุง/ตรัง จำนวน 9 นาย เจ้าหน้าที่ชุด SINGA ของกองร้อย ตชด.43 สงขลา 11 นาย และพนักงานสอบสวนของ สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง จำนวน 2 นายได้ลงเรือหางยาวข้ามอ่างคลองหัวช้างไปยังพื้นที่ป่าไม้ฝั่งตรงข้ามกับอ่างเก็บน้ำ จากนั้นได้เดินเท้าเข้าสู่พื้นที่เทือกเขาบรรทัด ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าทึบ ณ บริเวณ “ห้วยลูกเม่น” ซึ่งอยู่ห่างจาก “ขนำนาย” ประมาณ 300 เมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวนี้ นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้งนาโหนด พร้อมพวกได้ร่วมกันสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวประมาณ 5 วัน จนเกิดยิงปะทะกับตำรวจไปก่อนหน้านี้
สำหรับการเดินทางไปยังจุดปะทะนั้น อยู่ห่างจากพื้นที่ป่าไม้ตรงข้ามอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางไปยังจุดดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นป่าทึบ มีทางเดินกว้างประมาณ 50 ซม. โดยหลายจุด เจ้าหน้าที่จะต้องเดินมุดใต้ขอนไม้ เดินลุย สลับด้วยเนินที่สูงชัน บางจุดต้องเดินบนก้อนหินที่มีความลื่นจนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานบางนายหกล้มจนได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่มีความชำนาญและขาดประสบการณ์ในการเดินป่า และมีหลายจุดทีเดียวที่เจ้าหน้าที่จะต้องเดินข้ามลำห้วย ลำคลอง ที่มีความลึกประมาณ 1- 1.50 เมตร
อย่างไรก็ตามในจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนสงคราม ชนิดเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก แมกกาซีน 4 แม็ก เสื้อกั๊ก 1 ตัว ปืนลูกซอง 1 กระบอก รองเท้า 1 คู่ เสื้อผ้า ถ้วยจานช้อน พร้อมเครื่องปรุงอาหาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ห้ามมิให้บุคคลภายนอก โดยเฉพาะชาวบ้านที่ช่วยเจ้าหน้าที่นำทาง ห้ามถ่ายภาพของกลางโดยเด็ดขาด โดยหลังจากการเก็บของกลางดังกล่าวและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้นำของกลางใส่ถุงกระสอบปุ๋ย 4 กระสอบ ฝากไว้กำลังตำรวจชุดแดนไทย 54 ที่ไปตั้งฐานปฏิบัติการไล่ล่าเสี่ยแป้ง ใกล้ๆ กับพื้นที่จุดปะทะดังกล่าว
ส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ได้นำลงมาข้างล่าง เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอนต่อไป
โดยภารกิจดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงในเวลาประมาณ ช่วงค่ำของวานนี้ (10 พ.ย. 66) หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวก็ได้เดินทางกลับ ท่ามกลางฝนที่ตกโปรยปรายและความมืด จนทำให้มีการหกล้มของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากไม่มีแสงสว่าง ในส่วนของการเกิดฝนตกนั้น ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงมายังเส้นทางเดินของเจ้าหน้าที่ จนส่งผลให้น้ำในลำคลอง ลำห้วย มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1-1.50 เมตร. ซึ่งจากการหกล้มของ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และการเกิดฝนตกในระหว่างเดินทางกลับ คาดว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์น่าจะได้รับความเสียหายในบางส่วน
ส่วนการเดินทางกลับของเจ้าหน้าที่นั้น มาถึงบริเวณป่าไม้ตรงข้ามอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างในเวลาประมาณเวลา 22.00 น.
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า กองกำลังของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หรือตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ได้เดินทางถึงศูนย์ปฏิบัติการพิเศษการไล่ล่าเสี่ยแป้งนาโหนด ที่อ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง ซึ่งกำลัง ตชด.ชุดดังกล่าว มีความชำนาญในการเดินป่าสูง และเดินทางเข้าพื้นที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา